Lux to Know: Richard Mille - The Brand That Broke Every Rule in Watchmaking

3 เรื่องที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับ Richard Mille แบรนด์นาฬิกาสุดล้ำแห่งศตวรรษที่ 21

บทความ: เนตรนภา ปะวะคัง ภาพ: Richard Mille

หากเปรียบนาฬิกาเป็นศิลปะบนข้อมือ Richard Mille คงเป็นเหมือนงานอินสตอเลชัน อาร์ตที่ซับซ้อน แหวกกรอบ และล้ำอนาคต ด้วยสโลแกน “A racing machine on the wrist” นาฬิกาทุกเรือนของแบรนด์นี้จึงไม่ได้มีดีแค่รูปลักษณ์อันโดดเด่น แต่ยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยี วิศวกรรม และวัสดุศาสตร์ขั้นสูงที่ไม่เคยมีมาก่อนในวงการ นี่คือ 3 เรื่องน่ารู้ ที่อาจทำให้คุณมอง Richard Mille ในมุมมองใหม่

1. วัสดุที่ล้ำกว่าอุตสาหกรรมอากาศยาน

Richard Mille เป็นแบรนด์แรกๆ ที่นำวัสดุอย่างคาร์บอน ทีพีที, ควอตซ์ทีพีที, กราฟีน และเซรามิก เอ็นทีพีที มาใช้ในนาฬิกา ซึ่งปกติแล้วพบได้ในอุตสาหกรรมฟอร์มูล่าวันหรือการบินเท่านั้น จุดเด่นของวัสดุเหล่านี้คือความเบาอย่างเหลือเชื่อ คงทนต่อแรงกระแทกสูง และทนต่ออุณหภูมิรุนแรง ทำให้นาฬิกาเรือนหนึ่งอาจเบากว่าขนนกแต่แข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า

2. ทุกเรือนผ่านการทดสอบแบบนักแข่งหรือนักกีฬา

ไม่ใช่แค่สวยหรู แต่นาฬิกา Richard Mille ทุกเรือนต้องทนต่อสภาวะสุดขั้ว เพราะนาฬิกาแบรนด์นี้ออกแบบมาเพื่อให้นักกีฬาระดับโลกใส่แข่งจริง ไม่ว่าจะเป็นราฟาเอล นาดัล ที่สวม RM 27-01 นาฬิกาตูร์บิญงที่เบาที่สุดในโลกบนคอร์ตเทนนิส หรือนักแข่งรถ F1 อย่างชาร์ล เลอแกลร์ บนสนามแข่ง ความสามารถในการทนแรงสั่นสะเทือนกว่า 5,000 จี หรือกันแรงเหวี่ยงในระดับที่เครื่องบินรบยังต้องทึ่ง คือสิ่งที่ Richard Mille ตั้งเป็นมาตรฐาน

3. เป็นมากกว่านาฬิกา แต่คือนวัตกรรมที่มีจำกัด

Richard Mille ผลิตนาฬิกาเพียงไม่กี่พันเรือนต่อปี และแต่ละเรือนใช้เวลาผลิตนานนับเดือน เพราะมีความซับซ้อนสูงระดับงานวิจัย ไม่ใช่แค่เรื่องกลไก แต่รวมถึงโครงสร้าง วัสดุ และดีไซน์ที่ต้องคิดมาอย่างลงตัว ทำให้ราคานาฬิกาเริ่มต้นที่หลักหลายล้านบาท และหลายรุ่น เช่น RM 56-02 Tourbillon Sapphire, RM 52 Tourbillon Skull, RM 88 Automatic Winding Tourbillon Smiley ราคาทะลุร้อยล้านบาท ซึ่งไม่ใช่แค่เพราะ “ชื่อแบรนด์” แต่เพราะมันคือชิ้นงานแห่งอนาคตที่จับต้องได้ แถมมาในจำนวนจำกัด ต้องผ่านการคัดเลือก ไม่ใช่มีเงินก็ซื้อได้