Zenith takes us on a journey through time for its 50th anniversary of the El Primero.
Words: Lynette Kee
The year 1969 was a significant milestone for the watch industry, dubbed the year of “the great automatic chronograph race”, where the first automatic chronograph was introduced. A handful of brands had each developed its version, but which of them finished ahead of its rivals remains a source of controversy till today. While it was argued that Calibre 11 – developed in a joint effort of Heuer, Breitling and Buren – was the first to reach out to global markets in August 1969, Seiko had quietly released its automatic chronograph on the Japanese market in May of the same year. This evolutionary ladder, now sliced in segments, leaves a rightful chapter to the Zenith El Primero – which was believed to be the first to announce its achievement in January 1969.
To celebrate the 50th anniversary of its definitive movement, Zenith is offering a 50-piece limited edition anniversary set with a trio of El Primero-based watches representing the past, present and future.
The first watch included in the anniversary set is a tribute to the El Primero model of 1969 – the Zenith El Primero A386 Revival. Similar to the Omega 60th anniversary limited edition, Zenith recreated an almost-exact replica of the original model. The dimensions, as well as the original codes including the tricolour counters, tachymeter scale, font and leather strap, stayed true to the vintage A386 while the materials were switched up to give the new watch a new lease of life to the spirit of its predecessor.
A direct descendant of El Primero, the Zenith Chronomaster 2 is the most emblematic contemporary embodiment. The watch, equipped with a new generation 3600 calibre movement, features a central chronograph hand that makes one dial turn in 10 seconds. The column wheel and the lever-operated lateral clutch are also visually highlighted to ensure maximum results in reliability and precision. At 42 mm, the Chronomaster 2 also displays an open case back for the admiration of the symbolic movement.
The final piece within the anniversary boxed set is the Defy El Primero 21 which, according to Zenith, “heralds the watchmaking of the future”. Set in a 44 mm case, this watch is no modest violet but definitely a mechanical marvel. The watch contains the El Primero 2004 calibre as well as two escapements. One, driving the watch at 36,000 bph while the second, an astounding 360,000 bph, allowing the watch to measure down to 1/100th of a second.
Fifty years since the first El Primero, Zenith is still pushing boundaries of excellence, precision and innovation. The anniversary set renders as a time capsule of milestones by the masion. And in presenting the trilogy of watches in a case made for four, Zenith reinforces its avant-garde traditions. The empty slot is slated to welcome a chronograph that can measure up to 1/1000th of a second that Zenith plans to unveil in the future.
Zenith พาทุกคนย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดของเครื่องโครโนกราฟรุ่นดังในตำนาน
บทความ: ลิเนท คี
ปี ค.ศ. 1969 ถือเป็นปีสำคัญของวงการนาฬิกาเพราะมีหลายแบรนด์แข่งกันผลิตเครื่องนาฬิกาโครโนกราฟแบบขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นแรกของโลก แต่แล้วก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันจนถึงวันนี้ว่าใครทำสำเร็จก่อนใคร เพราะในขณะที่เครื่องคาลิเบอร์ 11 ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมระหว่าง Heuer, Breitling และ Buren ออกสู่ตลาดโลกเป็นรายแรกในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1969 แต่ทางฝั่ง Seiko ก็มีการเปิดตัวนาฬิกาโครโนกราฟเครื่องออโต้ในตลาดญี่ปุ่นไปแล้วแบบเงียบๆ ในเดือนพฤษภาคมของปีเดียวกัน และเมื่อแยกวิเคราะห์อย่างนี้แล้วจึงเปิดทางให้ Zenith El Primero ได้ครองตำแหน่งรายแรกโดยปริยายเนื่องจากมีการออกมาประกาศถึงความสำเร็จของตนในเดือนมกราคม ค.ศ. 1969 นั่นเอง
เพื่อเป็นการฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของเครื่องรุ่นดังในตำนานนี้ Zenith จึงได้เปิดตัวชุดนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่นแบบบ็อกซ์เซ็ทจำนวน 50 ชุด ในแต่ละชุดมีนาฬิกาเครื่อง El Primero จำนวน 3 รุ่นเพื่อเป็นตัวแทนของอดีต ปัจจุบันและอนาคต
นาฬิกาเรือนแรกในชุดนี้คือ Zenith El Primero A386 Revival ซึ่งเป็นการถอดแบบจากนาฬิกา El Primero รุ่นปี ค.ศ. 1969 เกือบทุกประการ เหมือนที่ Omega เพิ่งทำไปกับนาฬิกาลิมิเต็ดเอดิชั่นชุด 60 ปีเมื่อไม่นานมานี้ โดยมีสัดส่วน วงจับเวลา 3 สี สเกลแทคคิมิเตอร์ ฟอนท์และสายหนังเหมือน A386 รุ่นวินเทจทั้งหมดแต่ยกระดับวัสดุขึ้นตามยุคสมัยตามสมควร
ต่อไปเป็น Zenith Chronomaster 2 ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงในดีไซน์ที่ร่วมสมัยมากยิ่งขึ้น ทำงานด้วยเครื่อง 3600 เจเนอเรชั่นใหม่ซึ่งมีเข็มจับเวลากลางที่เดินครบหนึ่งรอบหน้าปัดในเวลา 10 วินาที ตัวเรือนขนาด 42 มม. มีฝาหลังแบบเปิดเพื่อให้ชื่นชมความงามของเครื่องรุ่นดังได้โดยง่าย มองเห็นคอลัมน์วีลและลาเทอรอลคลัทช์ที่ช่วยให้กลไกทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำที่สุดด้วย
เรือนสุดท้ายในชุด 3 เรือนนี้คือ Defy El Primero 21 ซึ่ง Zenith เรียกว่าเป็นใบเบิกทางสู่อนาคตของวงการนาฬิกา ตัวเรือนขนาดไม่เล็ก 44 มม. ภายในมีเครื่อง El Primero 2004 แบบสองเอสเคปเมนท์ ตังหนึ่งทำหน้าที่บอกเวลาด้วยความถี่ 36,000 บีทต่อชั่วโมงและอีกตัวหนึ่งทำงานที่ความถี่ 360,000 บีทต่อชั่วโมงจึงจับเวลาได้ละเอียดถึงเศษ 1/100 วินาที
นับเป็นเวลา 50 ปีแล้วตั้งแต่ที่ El Primero รุ่นแรกออกมา แต่ Zenith ก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาให้เกิดความเป็นเลิศ ความเที่ยงตรงและความล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง ชุดนาฬิกาฉลองครบรอบนี้จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์แทนความสำเร็จในแต่ละช่วงเวลาของแบรนด์ นาฬิกามีทั้งหมด 3 เรือนก็จริงแต่มาในกล่องที่ทำไว้สำหรับ 4 เรือน เพราะมีการเว้นว่างช่องหนึ่งไว้เผื่อสำหรับนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นต่อไปที่ Zenith จะเปิดตัวในอนาคตและจะจับเวลาได้ละเอียดถึงระดับ 1/1000 วินาที
