วิวัฒนาการขั้นต่อไปของนาฬิกาดำน้ำ Seiko Prospex ที่ตอบโจทย์ชีวิตประจำวันของคนเมือง
บทความ: รักดี โชติจินดา
ช่วงที่เราวางแผนว่านิตยสารฉบับใดของเราในปีนี้จะมีธีมชื่อว่าอะไรนั้น เรายังไม่ทราบว่านาฬิกาที่จะมาขึ้นปกฉบับมิถุนายนของเราจะเป็น Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch ซึ่งตรงกับธีม Evolution ที่เราวางไว้เป็นอย่างมาก เพราะว่านาฬิกาดำน้ำรุ่นใหม่ของ Seiko นี้เป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากรุ่นเดิมได้อย่างลงตัวในทุกแง่มุม ทั้งกำลังลานสำรองที่ยาวนานขึ้น ระดับการกันน้ำที่ลึกกว่าเดิม และหน้าปัดที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ให้มีรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งกว่าเก่า ที่สำคัญคือว่า Seiko สามารถทำการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ได้โดยยังคงไว้ซึ่งลุคที่เรียบร้อยแต่คมคายอย่างที่หลายท่านชื่นชอบกันมานานหลายปี
Seiko เป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการนาฬิกาที่น่าเกรงขาม ธุรกิจของ Seiko เริ่มต้นเมื่อปี ค.ศ. 1881 ในลักษณะการขายและการซ่อมนาฬิกาตั้งโต๊ะและนาฬิกาพกภายใต้การนำของคินทาโร ฮัตโตริในวัยเพียง 21 ปีในขณะนั้น ปรัชญาของเขาชัดเจนแต่แรกว่าต้องการที่จะ “นำหน้าคู่แข่งอยู่ก้าวหนึ่งเสมอ” จนนำไปสู่การสร้างโรงงาน Seikosha เมื่อปี ค.ศ. 1892 เพื่อผลิตนาฬิกาแขวนผนัง ก่อนที่จะเริ่มผลิตนาฬิกาพกในปี ค.ศ. 1895 จนกระทั่งมีการผลิตนาฬิกาข้อมือรุ่นแรกของประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1913 อย่างไรก็ดี ธุรกิจของ Seiko ก็ประสบอุบัติภัยครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1923 เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวคันโตที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้เผาผลาญทุกสิ่ง แล้วในปี ค.ศ. 1924 จึงเริ่มการผลิตนาฬิกาอีกครั้งและเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ชื่อ Seiko บนหน้าปัดนาฬิกา
ในเรื่องนาฬิกาดำน้ำนั้น Seiko ก็เป็นผู้บุกเบิกวงการรายสำคัญด้วยเช่นกัน โดยเป็นผู้ผลิตนาฬิกาดำน้ำระดับอาชีพของญี่ปุ่นรุ่นแรกเมื่อปี ค.ศ. 1965 นาฬิการุ่นดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า Seiko 62MAS ตัวเรือนขนาดกะทัดรัด 37 มม. สามารถกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 150 เมตร บนหน้าปัดมีหลักชั่วโมงรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามตำแหน่งต่างๆ ยกเว้นแค่เพียงตำแหน่ง 3 นาฬิกาที่เว้นว่างไว้สำหรับหน้าต่างวันที่เท่านั้น
ความเชื่อมั่นในนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ได้รับการตอกย้ำอย่างหนักแน่นในปี ค.ศ. 1966 เมื่อนาฬิการุ่น 62MAS ดังกล่าวได้รับการคัดเลือกให้เป็นนาฬิกาประจำข้อมือของทีมสำรวจ Japanese Antarctic Research Expedition ครั้งที่ 8 และในภายหลัง Seiko ยังมีการพัฒนานาฬิกาดำน้ำต่อไปเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องของโครงสร้างและความทนทาน จนนำไปสู่ดีไซน์อันหลากหลายอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบันนี้
อย่างไรก็ดี 62MAS ก็ยังคงเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีความสำคัญในเชิงประวัติศาสตร์ของ Seiko ดังนั้นทางบริษัทจึงได้เอาดีไซน์ดังกล่าวมาเป็นต้นแบบของนาฬิกา Prospex Diver’s Watch SPB143 เมื่อปี ค.ศ. 2020 ซึ่งนาฬิการุ่นดังกล่าวนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งด้วยขนาดที่กำลังพอเหมาะ และรูปลักษณ์โดยรวมที่ไม่เยอะเกินไปสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน ทั้งยังเป็นนาฬิกาในสไตล์ “ทูลวอทช์” ตามคำนิยามของนักสะสมนาฬิกาที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนานอีกด้วย ดังนั้นเราจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นเจเนอเรชั่นใหม่ของนาฬิการุ่นดังกล่าวในปีนี้
หากมองเผินๆ อาจจะคิดว่า Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch ใหม่นี้แตกต่างจากรุ่นปี ค.ศ. 2020 ไม่มาก แต่เมื่อมาพิจารณาในรายละเอียดแล้วก็จะเห็นว่ารายละเอียดเล็กน้อยที่ปรับเปลี่ยนไปหลายประการนั้นรวมกันกลายเป็นความเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญจริงๆ
มิติตัวเรือนลดลงเล็กน้อย จากเดิมที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40.5 มม. หนา 13.2 มม. ก็เหลือ 40 มม. และ 13 มม. ตามลำดับ ใครที่เคยรู้สึกว่ารุ่นเดิมใหญ่เกินกว่าความชอบของตนไปเล็กน้อยก็น่าจะรู้สึกว่ารุ่นใหม่นี้ใส่พอดีข้อมือมากขึ้น เพราะว่ามีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของขาตัวเรือนให้สั้นลงเล็กน้อย วัดความยาวจากปลายขาตัวเรือนด้านหนึ่งมาอีกด้านหนึ่งได้ 46.4 มม. จากเดิม 47.6 มม. ไม่เพียงเท่านั้น Seiko ยังมีการออกแบบข้อสายและบานพับให้สั้นลงอีกเล็กน้อยด้วยเพื่อให้แน่ใจได้ว่าคนส่วนมากจะใส่แล้วสบายข้อมือ
ในทางกลับกัน แม้ว่าตัวเรือนจะมีขนาดเล็กและบางลง แต่ประสิทธิภาพในการกันน้ำกลับเพิ่มขึ้นจาก 200 เมตรเป็น 300 เมตร และทำให้นาฬิการุ่นใหม่นี้เป็น Prospex รุ่นน็อนซาจูเรชั่นรุ่นแรกที่สามารถกันน้ำได้ถึงระดับความลึก 300 เมตร เวลาจะเช็คว่าเรือนใดเป็นรุ่นใหม่หรือรุ่นเก่าก็เพียงมองหาหน้าต่างวันที่ เพราะรุ่นเก่านั้นจะมีหน้าต่างวันที่ทรงสี่เหลี่ยมที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แต่ว่ารุ่นใหม่จะเป็นหน้าต่างวันที่ทรงกลมขนาดเล็กซ่อนตัวอยู่ที่ระหว่างตำแหน่ง 4 และ 5 นาฬิกา เครื่องนาฬิกาเป็นแบบแบบขึ้นลานอัตโนมัติรุ่นคาลิเบอร์ 6R55 ซึ่งมีกำลังลานสำรอง 72 ชั่วโมงหรือ 3 วันเต็มซึ่งมากกว่าตัวเลข 70 ชั่วโมงของเครื่องรุ่นคาลิเบอร์ 6R35 ในนาฬิการุ่นเดิม แซฟไฟร์คริสตอลที่ใช้ในนาฬิกา Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch รุ่นนี้มีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนข้างใน หน้าปัดขัดลายซันเรย์มีให้เลือก 2 สีหลัก ได้แก่ สีดำ (SPB453J) และสีน้ำเงิน (SPB451J)
อย่างที่เกริ่นตอนแรกว่าชื่อ Seiko นั้นปรากฏบนหน้าปัดนาฬิกาเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1924 ดังนั้นเพื่อเป็นการฉลองวาระครบรอบหนึ่งศตวรรษในปีนี้ Seiko จะมีการออกผลิตภัณฑ์รุ่นพิเศษต่างๆ ออกมาหลายรุ่นตลอดทั้งปี หนึ่งในนั้นก็คือ Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch รุ่นพิเศษ SPB455J เป็นรุ่นที่สามเนื่องในโอกาส 100 ปีของการใช้ชื่อ Seiko เป็นแบรนด์บนหน้าปัดโดยเฉพาะ
โดยรุ่นพิเศษ SPB455J นี้จะมีสเปคต่างๆ เหมือนกับรุ่นสีน้ำเงินและรุ่นสีดำ แต่แตกต่างตรงการใช้โทนสีเทาเข้มจับคู่กับสีทอง ไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดสีเทาเข้มที่ดูตัดกับเข็มบอกเวลาและหลักชั่วโมงสีทอง พร้อมด้วยสายเรืองแสงลูมิไบรท์สีเหลืองที่ทำให้คิดถึงพรายน้ำเก่าในนาฬิกาวินเทจ หรือจะเป็นสเกลนาทีสีทองบนวงแหวนขอบตัวเรือนที่เป็นสีเทาเข้มเหมือนกับสีของหน้าปัด
ผู้ซื้อนาฬิการุ่น SPB455J จะได้สายนาฬิกาเส้นที่สองเป็นของแถมในชุด สายดังกล่าวนี้ผลิตจากวัสดุที่ได้มาจากการนำขวดพลาสติกไปรีไซเคิล และเป็นสายที่ผลิตด้วยเทคนิคการถักของญี่ปุ่นที่มีชื่อเรียกว่า “เซจู” ที่เดิมใช้ในการผลิตสายรัดชุดกิโมโน ฟังดูอาจให้ความรู้สึกที่บอบบาง แต่ในความเป็นจริงแล้วสายชนิดนี้ผ่านการทดสอบมาเป็นอย่างดีจนผู้ใช้มั่นใจได้ว่ามีความแข็งแกร่งสูงและทนทานต่อแสงอาทิตย์ด้วย จึงเหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งและในน้ำอย่างแน่นอน ในเรื่องความสบายข้อมือนั้น Seiko ก็ระบุชัดเจนแล้วด้วยเช่นกันว่าลวดลายการถักที่เลือกใช้นี้ทำให้สายนาฬิกามีความยืดหยุ่นสูงและทำให้อากาศถ่ายเทได้อย่างดีที่สุด
นาฬิกา Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch ทั้ง 3 รุ่นนี้มีของเข้าไทยพร้อมจำหน่ายแล้วในเวลานี้ แต่การจะเลือกสีใดเพียงสีเดียวนั้นอาจเป็นเรื่องยาก เพราะว่าสีดำก็สุดคลาสสิก สีน้ำเงินก็ดูมีสไตล์และเหมาะกับชีวิตคนเมือง ส่วนสีเทาเข้มนั้นก็เป็นรุ่นพิเศษอีกต่างหาก เราขอแนะนำว่าคุณควรจะไปดูเรือนจริงที่บูติคของ Seiko หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการก่อนจะดีกว่า รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิกา Seiko ที่ www.seikoboutiquethailand.com หรือโทร 062-640-6565 วันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 08.30-17.30 น.
บทความที่เกี่ยวข้อง: Put Seiko Museum Ginza on Your Next Tokyo Itinerary
The model is available in regular versions of black and blue, plus a special version in charcoal grey for the important anniversary.
Words: Ruckdee Chotjinda
When we planned the “Evolution” theme for our June quarterly print issue, we were not yet aware of the watch to grace our cover. So, when a decision was made for it to be the most recently unveiled Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch, we were overjoyed because the model is a true embodiment of the said idea. The new models offer longer power reserve, more superior water resistance and improved legibility over the previous generation. Best of all, they managed to do this while retaining the clean, solemn look many watch buyers have come to love.
Seiko is a formidable company in and out of the water. The business, which began as a seller and repairer of clocks and watches in 1881, was founded by a very young Kintaro Hattori who was only 21 years of age at the time. His philosophy was clear: to always be one step ahead of the rest. The Seikosha factory followed in 1892 to produce clocks before the production of the first pocket watch in 1895 and Japan’s very first wristwatch in 1913. Following the Great Kanto Earthquake in 1923, the company had to restart completely because everything was lost in the ensuing fire. The new watch they created in 1924 displayed the name “Seiko” as we know it on the dial for the very first time.
Where dive watches are concerned, Seiko enjoys a reputation as a pioneer in the field. They can lay claim to be the maker of Japan’s first professional diver watch in 1965. The model, known as the Seiko 62MAS, measured 37 mm in diameter, and was resistant to the depth of 150 metres. Its taut case design was matched by thick rectangular markers for all hour positions, except for three o’clock where the date window was placed.
In 1966, the 62MAS model bolstered confidence in Seiko’s dive watches when it accompanied members of the 8th Japanese Antarctic Research Expedition on their mission. Subsequent Seiko dive watch models gradually incorporated improvements in terms of construction and resistance, leading to the proliferation of Seiko dive watch designs as we know them today.
Still, the 62MAS remains an archetypal timepiece of great historical importance for Seiko. That is why, in 2020, Seiko used this design as the foundation for the Prospex Diver’s SPB143 watch. The variants at the time were extremely successful, thanks to their moderate size and sleek, no-frills aesthetic. They were a true “tool watch” to serious watch collectors. And this is the reason why we are thrilled to see the release of its successors this year.
At first glance, the new Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch is a minor improvement over the previous generation from 2020. But upon closer scrutiny, the small changes implemented here and there make all the difference. The case dimension reduced ever so slightly from a diameter of 40.5 mm and thickness of 13.2 mm to 40 mm and 13.0 mm, respectively. Anyone who found the previous version a bit too long for their wrist will be pleased to hear that the lugs have been altered accordingly. They are now shorter and the lug-to-lug length is down from 47.6 mm to 46.4 mm. Similarly, the bracelet links and the clasp have been made shorter by a margin, ensuring that the watch is even more wearable for most people.
Meanwhile, the level of water resistance has been enhanced from the previous rating of 200 metres to 300 metres in the new model – a first for a non-saturation Prospex diver’s watch model. Perhaps, the easiest way to tell this novelty apart from its predecessor is to look for the date window. Seiko has dropped the full rectangular window at three o’clock in favour of a small circular window between the four and five o’clock positions.
Beating strongly just below the sunray brushed dial, the self-winding Calibre 6R55 offers a power reserve of 72 hours or three full days, which is an improvement over the 70-hour autonomy of Calibre 6R35 used in the previous generation watch. A sapphire crystal with anti-reflective coating on the underside completes the Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch SPB453J (black dial) and SPB451J (blue dial) watches.
As mentioned in the beginning of this cover story, the name Seiko first appeared on the dial of a wristwatch in 1924. Therefore, the important centennial milestone is being marked this year. This is the reason why we will see a slew of celebratory products and limited or special editions from the Japanese watch manufacturer throughout 2024. And already here with us, the third version of the Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch marks the 100th anniversary of the Seiko brand name.
This third creation, SPB455J, features the same technical specifications as the blue and black dial versions. It is, however, distinguished by the charcoal grey hue with a gold-coloured accent. On the dial, the hands and hour markers all embrace the warm shade of gold, complete with yellowish Lumibrite in the same faux patina style as re-issued vintage watches. The diving minute scale on the charcoal grey bezel insert offers a matching gold-coloured accent as well.
A bonus feature for the special edition SPB455J includes an additional strap made from recycled plastic bottles. The material is woven into a strap using a traditional Japanese braiding technique called Seichu – the very process used to produce decorative cords to keep a kimono sash in place. As delicate as this may sound, this woven strap has been extensively tested for tensile strength and resistance against exposure to sunlight. Therefore, you can be certain that it is completely suitable for rigorous outdoor and underwater use. Comfort is already guaranteed by Seiko as the braiding pattern used ensures both flexibility and air permeability.
All three versions of the Seiko Prospex 1965 Heritage Diver’s Watch are now available in Thailand. Picking one will prove to be challenging, though. Black is, of course, classic. Blue reflects smart, urban sensibilities. Charcoal grey represents a special edition. Your best bet is to try each and every one of them in person at a Seiko boutique or authorised retailer. For more information, please visit www.seikoboutiquethailand.com or call 062-640-6565 between 08:30 and 17:30, Monday through Friday.
See also: Put Seiko Museum Ginza on Your Next Tokyo Itinerary