3 นาฬิกา Seiko Prospex Save The Ocean รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีแรงบันดาลใจมาจากธารน้ำแข็งขั้วโลก
บทความ: รักดี โชติจินดา
ความรักที่ Seiko มีให้กับท้องทะเลนั้นได้รับการถ่ายทอดออกมาให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็นชัดอย่างต่อเนื่องนานหลายปีด้วยนาฬิกาในชุด Save The Ocean และแคมเปญรักษ์โลกในชื่อเดียวกันนั้นซึ่งมีเป้าหมายในการฟื้นฟูสภาพและรักษาไว้ซึ่งมหาสมุทรต่างๆ เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นหลังต่อไป
Seiko เริ่มทำนาฬิกา Save The Ocean ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายนาฬิกาไปบริจาคให้กับองค์กรที่ทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกันนี้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาก็คือ PADI ซึ่งมีโครงการเก็บขยะในทะเลชื่อ PADI AWARE Foundation Marine Debris Program และโปรเจคสำรวจและศึกษาซากเรืออัปปางที่ประเทศกรีซในชื่อ Fournoi Underwater Survey and Excavation Project
ด้วยความที่ Prospex เป็นคอลเลคชั่นที่มีนาฬิกาดำน้ำหลากหลายดีไซน์อยู่แล้วจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับ Seiko ที่จะนำดีไซน์พิเศษต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับท้องทะเลมารังสรรค์เป็นเรือนนาฬิการุ่นพิเศษ อย่างที่เราได้เห็นกันในช่วงที่ผ่านมาก็จะมีทั้งแรงบันดาลใจจากวาฬ จากปลาฉลามและจากปลากระเบน แต่ล่าสุดในปีนี้ Seiko ขอออกนอกแนวเดิมเล็กน้อยด้วยการออกแบบนาฬิกา Save The Ocean ตามแรงบันดาลใจที่ได้จากธารน้ำแข็งซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกถึงภาวะโลกร้อน ตลอดจนเป็นดินแดนที่พิสูจน์ความแกร่งของนาฬิกาดำน้ำ Seiko ตั้งแต่ยุคเริ่มแรกอีกด้วย
Seiko เริ่มผลิตนาฬิกาดำน้ำเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1965 หลังจากนั้นเพียง 5 ปีก็มีนาฬิกาดำน้ำอีกรุ่นหนึ่งที่มีตัวเรือนรูปทรงโค้งมนเป็นพิเศษและกันน้ำได้ลึกถึงระดับ 150 เมตรออกตามมา จึงเป็นเรือนเวลาที่หมายปองของผู้ใช้งานใต้น้ำและบนแผ่นดินที่ต้องการอุปกรณ์คู่กายที่ทนทาน หนึ่งในนั้นก็คือนาโอมิ อุเอมุระ ซึ่งสร้างชื่อจากการพิชิตภูเขาสูงต่างๆ ของโลก ไม่ว่าจะเป็นคิลิมันจาโร มงต์บล็อง แมตเตอร์ฮอร์นหรือเอเวอเรสท์ ก่อนที่นักผจญภัยชาวญี่ปุ่นผู้นี้จะสวมนาฬิกาดำน้ำ Seiko รุ่นดังกล่าวไปออกทริปเดินทางเดี่ยวบนเลื่อนสุนัขลากเป็นระยะทาง 12,500 กิโลเมตรจากกรีนแลนด์ไปยังอลาสก้าช่วงปี ค.ศ. 1974-1976
ในวันนี้ Seiko ได้นำตัวเรือนรูปทรงอันมีเอกลักษณ์ดังกล่าวมาออกแบบเป็น Seiko Prospex Save the Ocean Special Edition 1970 Diver’s Modern Re-interpretation SPB301 หน้าปัดสีขาวของนาฬิการุ่นนี้มีลวดลายที่สะท้อนถึงธารน้ำแข็งที่สวยงามและยิ่งใหญ่ พร้อมสะกดใจใครก็ตามที่ได้ชื่นชมในระยะประชิดด้วยตาตนเอง วงแหวนของขอบตัวเรือนแบบหมุนได้ทิศทางเดียวเป็นสีน้ำเงินอ่อนเพื่อให้เข้ากับลุคโทนสว่างของนาฬิการุ่นนี้
ถัดไปคือ Seiko Prospex Save the Ocean Special Edition 1968 Diver’s Modern Re-interpretation SPB299 ซึ่งมีหน้าปัดสีฟ้าที่เป็นอีกเฉดสีสำคัญของธารน้ำแข็ง วงแหวนของขอบตัวเรือนก็เข้มขึ้นด้วยโดยจะเป็นสีน้ำเงินเพื่อให้รับกับโทนสีฟ้าของหน้าปัด ดีไซน์ของตัวเรือนนาฬิการุ่นนี้ถอดแบบมาจากนาฬิกาดำน้ำของ Seiko ที่ออกมาเมื่อปี ค.ศ. 1968 หลังจากที่นาฬิกาดำน้ำ Seiko รุ่นแรกผ่านการพิสูจน์ด้วยการใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายแล้วโดยคณะสำรวจทวีปแอนตาร์คติกาที่ 8 ของญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ. 1966
รุ่นสุดท้าย คือ Seiko Prospex Save the Ocean Special Edition 1965 Diver’s Modern Re-interpretation SPB297 ซึ่งมีสีเข้มและขรึมที่สุดในชุด 3 เรือนนี้ โดยมีหน้าปัดเป็นสีน้ำเงินและวงแหวนขอบตัวเรือนเป็นสีดำ และเมื่อคุณผู้อ่านสังเกตจากรูปภาพเปรียบเทียบกันก็จะเห็นว่า SPB297 นี้เป็นรุ่นเดียวที่มีเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา
นาฬิกา Save the Ocean ทั้ง 3 รุ่นนี้มีสเปคที่เหมือนกันหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเคลือบสารเรืองแสงลูมิไบรท์บนเข็มและหลักชั่วโมงเพื่อความชัดเจนของการอ่านค่าเวลาในที่มืด ตัวเรือนมีการเคลือบแข็งแบบซุปเปอร์ฮาร์ดเพื่อความทนทานต่อการขีดข่วน เม็ดมะยมและฝาหลังเป็นแบบขันเกลียวเพื่อประสิทธิภาพในการกันน้ำถึงระดับ 200 เมตร
เครื่องนาฬิกาที่ใช้ใน Prospex Save The Ocean ทั้ง 3 รุ่นใหม่นี้คือเครื่องรุ่นคาลิเบอร์ 6R35 ซึ่งเป็นเครื่องนาฬิกาแบบขึ้นลานอัตโนมัติที่มีกำลังลานสำรอง 70 ชั่วโมงและทำงานที่ความถี่ 6 บีท แซฟไฟร์คริสตอลทรงโค้งของทุกรุ่นมีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทางด้านในเพื่อความชัดเจนของหน้าปัดในทุกมุมมอง สายนาฬิกามีบานพับแบบ 3 ทบพร้อมปุ่มปลด ตัวล็อคชั้นที่ 2 และส่วนขยายความยาวเมื่อต้องการสวมนาฬิกาทับชุดดำน้ำ
นอกจากนาฬิกา Save The Ocean แล้ว Seiko ยังมีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาปรากฏการณ์ธรรมชาติในทวีปอาร์คติกและแอนตาร์คติกา ตลอดจนผลที่ปรากฏการณ์เหล่านั้นมีต่อภาวะโลกร้อน ล่าสุด Seiko มีการมอบนาฬิกา Prospex จำนวนหนึ่งให้กับสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งชาติของญี่ปุ่นเพื่อให้สมาชิกของคณะสำรวจทวีปแอนตาร์คติกาที่ 63 ของญี่ปุ่นนำไปใช้ปฏิบัติภารกิจซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา เหมือนกับที่คณะในยุคทศวรรษที่ 1960 เคยใช้มาก่อนหน้าแล้ว
เราในฐานะผู้ซื้อนาฬิกาอาจไม่สามารถไปร่วมกับคณะสำรวจเหล่านี้ได้ แต่เราก็สามารถสวมจิตวิญญาณแห่งธารน้ำแข็งนี้ได้เช่นกันด้วยการซื้อนาฬิกา Save The Ocean รุ่นใดรุ่นหนึ่งใน 3 รุ่นนี้ (หรือเก็บให้ครบทั้ง 3 รุ่นไปเลย) ทั้งนี้ Seiko ประเทศไทยจะมีนาฬิกา SPB301, SPB299 และ SPB297 พร้อมจำหน่ายตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป คุณผู้อ่านที่สนใจสามารถตรวจสอบราคาและจุดขายที่เว็บไซท์ seikoboutiquethailand.com
The novelties are a continuation of the series established in 2018 to help preserve the environment for the future of mankind.
Words: Ruckdee Chotjinda
Over the years, Seiko has proven their passion for the sea with their “Save The Ocean” range of watches, and the associated marine conservation campaign that aims to restore and protect the oceans for future generations.
This range of watches was established in 2018 with the clear goal of donating parts of the proceeds from the sales of such timepieces to relevant organisations who work towards the same goal. In more recent years, these entities include the PADI with their PADI AWARE Foundation Marine Debris Program, and the Fournoi Underwater Survey and Excavation Project in Greece.
Being specialised diver’s watches, the Prospex collection provides the necessary visuals for Seiko’s ocean-related aesthetics to be realised for the wrists. Iterations in the previous years touched upon some stars of the seas like whales, sharks and manta rays. Seiko Save The Ocean watches for 2022 take a slight twist by focusing instead on the glacial landscape, which is a key indicator of the global warming situation, and the harsh terrains in which Seiko diver’s watches have made history.
Seiko has been producing diver’s watches since 1965. Only five years later, a particular model with a flowing case design followed, offering even more solid construction with water resistance of 150 metres. Like its predecessor, it was ideal for adventure in and out of the water, and it was chosen by prominent Japanese adventurer Naomi Uemura, who had previously reached the summit of Mount Kilimanjaro, Mont Blanc, the Matterhorn and Mount Everest. Uemura wore that watch between 1974 and 1976 while he undertook a solo journey of 12,500 kilometres on dog sled from Greenland to Alaska.
Today, that particular case design is used to create the Seiko Prospex Save the Ocean Special Edition 1970 Diver’s Modern Re-interpretation SPB301 watch. The pattern on its white dial is representative of the polar glaciers whose combined beauty and power would awe anyone lucky enough to see them in real life. A blue insert on the unidirectional rotating bezel complements the lightness of the overall look of this watch.
The Seiko Prospex Save the Ocean Special Edition 1968 Diver’s Modern Re-interpretation SPB299 watch evokes a different shade of glacier ice with a light blue dial and a dark blue bezel insert. Its structural design takes after the 1968 Seiko diver’s watch that was created after its predecessor proved to be capable against adverse weather conditions by the 8th Japanese Antarctic Research Expedition in 1966.
Lastly, the Seiko Prospex Save the Ocean Special Edition 1965 Diver’s Modern Re-interpretation SPB297 offers the darkest shades of the trio. Here, the deep blue dial is paired with a black bezel insert for a most serious look. Note also that it is the only watch with the crown at the regular three o’clock position.
A generous amount of Lumibrite luminous material is applied on the hands and the hour markers of all the above watches for maximum legibility in the dark. In addition to the super-hard coating on the case, all three pieces feature a screw-down crown and a screw-down caseback for a water resistance of 200 metres.
They are powered by the Calibre 6R35: a trusty 6-beat self-winding movement with an ample power reserve of 70 hours. Their curved sapphire crystal is given an anti-reflective coating on the inside for optimal clarity when the watch is viewed at an angle. The bracelet on each watch is secured to the wrist by a three-fold clasp with push button release, a double security lock and an extender for when the watch must be worn over a diving suit.
Apart from these watches, Seiko is already doing their part in supporting the studies of natural phenomena in the Arctic and Antarctic regions and their impact on global warming. Same as in the 1960s, when Seiko diver’s watches were used by the Japanese Antarctic Research Expedition, some Prospex timepieces from the current collection have been donated to the National Institute of Polar Research of Japan to be used by members of the 63rd Japanese Antarctic Research Expedition during their mission that began last December. As consumers, we cannot join them in person, but we can take part in the glacier spirit with one (or all) of these Save The Ocean watches. SPB301, SPB299 and SPB297 are available from Seiko Thailand beginning this month. Please visit seikoboutiquethailand.com for pricing details, availability and physical retail locations.