ความละเอียดในทุกขั้นตอนกว่าจะเกิดเป็นนาฬิกา A. Lange & Söhne
บทความ: รักดี โชติจินดา
แบรนด์นาฬิกาต่างๆ จำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างชื่อให้เป็นที่รู้จัก จดจำและนิยมชมชอบ ไม่ว่าจะด้วยการสื่อสารกับผู้ซื้อโดยตรงผ่านทางโฆษณาและการประชาสัมพันธ์ต่างๆ การบอกเล่าสู่กันแบบปากต่อปากของผู้ใช้จริง หรือประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นเมื่อเราได้ซื้อและครอบครองนาฬิกานั้นๆ เอง
สำหรับ A. Lange & Söhne นั้นใช้เวลาจากจุดเริ่มต้นไปสู่ความสำเร็จอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ในเวลาเพียงไม่นาน เพราะแม้ว่าจะเป็นแบรนด์เก่าแก่แต่ก่อตั้งครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1845 แต่กิจการในชื่อดังกล่าวก็ต้องหยุดไปในปี ค.ศ. 1951 เมื่อโรงงานถูกยึดกิจการในปี ค.ศ. 1951 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง กว่าที่คุณวอลเตอร์ ลังเงอผู้เป็นทายาทจะกลับมาตั้งบริษัทในชื่อเดิมเพื่อดำเนินกิจการอีกครั้งก็ในปี ค.ศ. 1990 เมื่อประเทศเยอรมนีมีการรวมชาติอีกครั้ง และเปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชั่นแรกของ A. Lange & Söhne ยุคใหม่ในปี ค.ศ. 1994
นั่นหมายความว่า A. Lange & Söhne ใช้เวลาเพียงประมาณ 10 ปีเท่านั้นจนผู้คนรู้จักไปทั่วโลกแล้วในราวปี ค.ศ. 2004 และเมื่อผ่านไปอีก 10 ปีก็เปลี่ยนจากแค่รู้จักเป็นอยากครอบครองในปี ค.ศ. 2014 จนมาถึงวันนี้จากที่คนเคยมีคำถามว่า “จะซื้อนาฬิกา A. Lange & Söhne ดีไหม” ก็เปลี่ยนเป็น “จะซื้อนาฬิกา A. Lange & Söhne รุ่นอะไรดี” หรือว่าจะซื้อได้อย่างไร
A. Lange & Söhne มีสำนักงานและโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองกลาสฮุตเตอร์ รัฐแซกโซนี ประเทศเยอรมนี เมืองใหญ่ใกล้เคียงที่ผู้คนทั่วไปพอจะรู้จักกันบ้างก็คือเดรสเดนซึ่งมีโบสถ์และพิพิธภัณฑ์ชื่อดังหลายแห่ง อาคารโรงงานของ A. Lange & Söhne นั้นไม่ได้เป็นตึกขนาดมหึมา แต่ว่าเป็นอาคารเล็กๆ หลายอาคารที่เรียงรายกันไป บ้างก็มีทางเชื่อมเดินต่อถึงกันโดยตรง โดยอาคารเหล่านี้เป็นที่ตั้งของแผนกต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการประกอบนาฬิกา อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการเปิดอาคารโรงงานใหม่ล่าสุดที่ใหญ่ที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 2015 แต่จำนวนการผลิตนาฬิกาในแต่ละปีก็ยังอยู่ที่ราว 5,500 เรือนเท่านั้นเนื่องจากเงื่อนไขในการผลิตที่เข้มงวดในทุกขั้นตอน
นาฬิกาจำนวน 5,500 เรือนที่ว่านั้นอยู่ในคอลเลคชั่นต่างๆ ของแบรนด์ ได้แก่ คอลเลคชั่น Lange 1 ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาเด่นชัดที่สุดด้วยการจัดวางองค์ประกอบหน้าปัดแบบออฟเซ็นเตอร์พร้อมด้วยหน้าต่างวันที่ขนาดใหญ่ คอลเลคชั่น Saxonia ที่นำเสนอความสง่างามแบบเรียบง่ายโดยอ้างอิงถึงชื่อมาตุภูมิของแบรนด์ด้วย คอลเลคชั่น 1815 ที่ตั้งชื่อตามปีเกิดของเฟอร์ดินานด์ อดอล์ฟ ลังเงอ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และถ่ายทอดอารมณ์แห่งนาฬิกาพกสู่นาฬิกาข้อมือยุคสมัยปัจจุบัน คอลเลคชั่น Richard Lange ที่อิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับนาฬิกาสไตล์ออบเซอร์เวชั่นของ A. Lange & Söhne ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 คอลเลคชั่น Zeitwerk ที่ใช้จานหมุนตัวเลขบอกเวลาแทนที่จะใช้เข็มเหมือนนาฬิกาทั่วไป และคอลเลคชั่นสุดท้ายที่เป็นน้องใหม่ก็คือ Odysseus ที่แตกต่างจากคอลเลคชั่นอื่นๆ ทั้งหมดด้วยการเป็นนาฬิกาสไตล์สปอร์ตซึ่งสวมใส่ด้วยสายโลหะ
เรือนเวลาในแต่ละคอลเลคชั่นนั้นอาจจะมีดีไซน์แตกต่างกันก็จริง แต่ทั้งหมดก็มีการผูกโยงกันไว้ด้วยดีเอ็นเอของแบรนด์ที่ว่าด้วยเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกและงานวิศวกรรมภายใน ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ของตัวเรือน ขาตัวเรือน เข็มนาฬิกาหรือฟอนท์ที่อยู่บนหน้าปัด เรื่อยไปจนถึงลักษณะและวิธีการผลิตเครื่องรุ่นต่างๆ
นาฬิกา A. Lange & Söhne ทุกเรือนใช้เครื่องที่ทางแบรนด์เป็นผู้ออกแบบและประกอบเอง ด้วยชิ้นส่วนที่ผลิตขึ้นมาเองภายในโรงงานเกือบทุกชิ้น เวลามองดูที่เครื่องของ A. Lange & Söhne ก็จะสังเกตเห็นได้ว่าเพลทและบริดจ์นั้นมีโทนสีของโลหะที่แตกต่างจากนาฬิกาส่วนมากที่เราเคยจับต้องมา นั่นเป็นเพราะว่าชิ้นส่วนเหล่านี้ผลิตด้วยเยอรมันซิลเวอร์เพื่อความแข็งแกร่งของตัวเครื่อง โดยเยอรมันซิลเวอร์ในรูปแบบที่ไม่ผ่านการเคลือบจะค่อยๆ เกิดพาทิน่าสีทองอุ่นๆ ที่ดูน่าชมเมื่อเวลาผ่านไป แต่ในขณะเดียวกัน ช่างนาฬิกาก็จะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาหยิบจับชิ้นส่วนต่างๆ และห้ามสัมผัสด้วยมือเปล่าโดยไม่ใส่ถุงมือเป็นอันขาด เพราะว่าน้ำมันจากนิ้วมือจะทำให้เกิดรอยบนเนื้อเยอรมันซิลเวอร์ในลักษณะที่ไม่อาจล้างออกได้ ต้องนำไปขัดใหม่เลยเท่านั้น
A. Lange & Söhne กำหนดให้มีการประกอบเครื่องนาฬิกาทุกเครื่องสองครั้ง ครั้งแรกเพื่อเช็คและปรับตั้งการทำงานของชิ้นส่วนจักรกลทั้งหมดให้เข้าที่เรียบร้อย เมื่อตรวจสอบจนเป็นที่พอใจแล้วช่างก็จะรื้อเครื่องออกเป็นชิ้นๆ อีกครั้ง แล้วนำชิ้นส่วนทั้งหมดไปล้างด้วยเครื่องอัลตร้าโซนิกบาธ ชิ้นส่วนใดต้องได้รับการขัดแต่งเพิ่มเติมหรือขัดแต่งใหม่ก็จะถูกส่งไปจัดการให้สวยงาม ส่วนบางชิ้นนั้นจะยังไม่ได้รับการขัดแต่งก่อนการประกอบครั้งแรก จะรอขัดแต่งก่อนการประกอบครั้งที่สองซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น อย่างเช่นธรีควอเตอร์เพลทอันเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์สำคัญในเครื่องนาฬิกา A. Lange & Söhne ซึ่งจะต้องมีการขัดลายเป็นริ้วชื่อกลาสฮุตเตอร์ริบบิ้ง
ในขั้นตอนของการประกอบเครื่องครั้งสอง ช่างจะไม่ใช้สกรูว์ทดลองที่ใช้ในการประกอบเครื่องครั้งแรกแล้ว เพราะจะเปลี่ยนไปใช้สกรูว์จริงที่เห็นเป็นสีน้ำเงินจากการผ่านความร้อน นาฬิกาที่ประกอบเสร็จครบทั้งเรือนจะถูกนำไปเข้ากระบวนการทดสอบที่ใช้เวลานานหลายสัปดาห์ ก่อนที่จะนำมาส่องเช็ครายละเอียดทุกจุดอีกครั้งให้แน่ใจได้ว่าไม่มีอะไรบกพร่องก่อนที่จะส่งไปขายยังบูติคต่างๆ ทั่วโลก
A. Lange & Söhne ใช้ความละเอียดและพิถีพิถันระดับเดียวกันนี้กับนาฬิกาทุกเรือนในทุกระดับราคา ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแบบบอกเวลาได้อย่างเดียวที่มีสองหรือสามเข็ม หรือจะเป็นนาฬิการะดับแกรนด์คอมพลิเคชั่นที่มีชื่อรุ่นยาวเกือบจะเป็นประโยค ดังนั้นผู้ซื้อนาฬิกา A. Lange & Söhne ทุกคนจึงจัดว่าเป็นผู้โชคดีที่ได้มีโอกาสนำเอาผลงานอันเป็นองค์รวมแห่งความอุตสาหะของคนทั้งโรงงานมาคาดไว้บนข้อมือได้อย่างเต็มความภาคภูมิทุกวัน
บทความที่เกี่ยวข้อง: Blancpain Completes The Fifty Fathoms 70th Anniversary Celebration with a Grand Reveal in Cannes
Luxuo Thailand takes a look at the uncompromising steps towards perfection at A. Lange & Söhne.
Words: Ruckdee Chotjinda
Public awareness and opinion of watch brands change over time with exposure to products, official communications, user testimonials and, ultimately, personal experience. In the case of A. Lange & Söhne, the rise to fame was as pronounced as it was quick.
Despite being a historic and esteemed brand since 1845, the name became dormant in 1951 when the German manufactory was expropriated after World War II. It was not until after the German reunification in 1990 that family descendant Walter Lange was able to resurrect the company and present the first collection of the new era in 1994. That means A. Lange & Söhne spent about 10 years until, say, 2004, to get their watches known to the world. It then took another decade, until 2014, for the brand to turn from familiarity into desirability. Today, just one year shy of the 30th anniversary, people are no longer asking if they should buy an A. Lange & Söhne, but which one to get, and how.
Today, A. Lange & Söhne remains based in the quiet town of Glashütte in the German state of Saxony – the nearest city any non-watch person would know would be Dresden with its famous churches and museums. A collection of small buildings, some connected and some not, house the different departments involved in the production and assembly of A. Lange & Söhne watches. But even with the inauguration of the largest and newest building in 2015, the manufactory is able to deliver only about 5,500 watches per year due to the level of attention paid at each step of the way.
The output is different within watch families. The Lange 1 serves as the long-time poster of the brand with its signature off-centred dial arrangement with an outsized date. The Saxonia exudes simple elegance while referencing the manufactory’s homeland. The 1815 is named after the birth year of founder Ferdinand Adolph Lange, and captures the spirit of what a pocket watch could be in this age of wristwatches. The Richard Lange pays tribute to the observation watches of A. Lange & Söhne in the late 19th and early 20th centuries. The Zeitwerk proffers the difference of using numerical discs to indicate the time instead of traditional hands. The sixth and latest family to have been added is the Odysseus, which differs from the rest by being a sportive watch on a bracelet.
These timepieces enjoy their own distinctive designs, but they are tied together by an overarching DNA with regard to their aesthetics and engineering, from how the case, lugs, hands or typography look to how the movements are built and finished. Every single A. Lange & Söhne watch is powered by a calibre that was designed and produced in-house, with virtually all components manufactured by one of their departments as well.
When you look at an A. Lange & Söhne movement and you begin to feel that the plates and bridges are of a certain hue that differs from most watches you have handled, it is because they are made of German silver to enhance the rigidity of the movement. In its untreated form, the material develops a nice, warm and almost golden patina over time. This characteristic is not without a disadvantage though, as extra care must be used when handling the components. The watchmakers can never touch them with bare hands as any fingerprints will leave an indelible mark that has to be polished off.
A. Lange & Söhne movements are assembled twice in the manufactory’s quest for perfection. After the first assembly, which serves to ensure the best possible adjustment of mechanical components, the movement is disassembled and the parts are cleaned in an ultrasonic bath. Some movement parts are left undecorated until after the first assembly has been completed, such as the signature three-quarter plate that requires a Glashütte ribbing. When the movement is reassembled for the second time, new thermally blued steel screws are used in the second assembly instead of the temporary ones used in the first trial. Fully cased up watches are then subject to a test program that lasts several weeks before a final inspection is conducted to detect any irregularity from the manufactory’s strict quality standards.
Most importantly, this same thoroughness is applied to every single watch, whether it is an entry level, time-only timepiece or a grand complication whose name seems to form a sentence of its own. Indeed, such is the pride to be shared among the few who are privileged enough to own and wear such timepieces of formidable craftsmanship.
See also: Blancpain Completes The Fifty Fathoms 70th Anniversary Celebration with a Grand Reveal in Cannes
