และแล้วก็ถึงคิวของ Panerai Luminor Due ที่จะได้มีฟังก์ชั่นมูนเฟสกับเขาบ้าง
บทความ: ลภีพันธ์ โชติจินดา
Panerai Luminor Due คือดีไซน์ใหม่ของ Panerai ที่เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2016 หลังจากที่ทีมออกแบบได้ตกผลึกทางความคิดแล้วว่าตลาดต้องการเรือนเวลาที่มีบุคลิกสุขุม เรียบร้อยและดูหรูหราสง่างามในขณะเดียวกัน จากนั้นจึงลงมือปรับตัวเรือนให้บางและเล็กลงเพื่อตอบโจทย์คนที่ต้องการนาฬิกาคู่ใจที่ใส่ได้ในทุกวันและทุกโอกาส คนที่ไม่ต้องการความดุดันหรือใหญ่โตเหมือนรุ่นพี่อย่าง Submersible หรือ Luminor และต้องดูร่วมสมัย ไม่ดูวินเทจจนสุดทางอย่าง Radiomir ด้วย
นับตั้งแต่นั้นมา Luminor Due ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนที่เคยแอบชอบ Panerai แต่ว่าไม่มีรุ่นที่มีขนาดที่ใส่ได้หรือไม่มีรุ่นที่ดูเหมาะกับไลฟ์สไตล์หรือการแต่งตัวของตน จนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 6 ปีแล้วจึงถึงเวลาที่ Panerai จะมีการเพิ่มคอมพลิเคชั่นให้กับคอลเลคชั่น Luminor Due บ้าง นั่นก็คือฟังก์ชั่นมูนเฟส และเติมชื่อเรียกเก๋ๆ ให้สมกับต้นกำเนิดแห่งความเป็นอิตาเลียนว่า Luminor Due Luna
Luminor Due Luna ในตัวเรือนขนาด 38 มม. มี 4 รุ่นย่อยด้วยกัน ประกอบด้วยสเตนเลสสตีล 3 รุ่นและทอง 1 รุ่น หน้าปัดบริเวณ 3 นาฬิกามีหน้าต่างมูนเฟสที่เผยให้เห็นพระจันทร์สีทองอร่ามผลิตจากทอง 24 กะรัตโดดเด่นอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวบนท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้ม ส่วนดีเอ็นเออื่นๆ ของ Luminor Due ก็ยังคงไว้อย่างครบถ้วน
รุ่นสเตนเลสสตีลรหัส PAM01180 มีหน้าปัดแซนด์วิชซันเบิร์สสีขาวขับให้หน้าต่างมูนเฟสสะดุดตา โครงสร้างหน้าปัดเป็นแบบแซนด์วิชที่เจาะทะลุตามตำแหน่งตัวเลขและหลักชั่วโมงให้เห็นสารเรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนวาสีเบจที่อยู่ด้านล่าง สวมใส่แบบหวานๆ ด้วยสายหนังจระเข้สีชมพูเข้มพร้อมหัวเข็มขัดสเตนเลสสตีล ในขณะที่ PAM01179 มีหน้าปัดแซนวิชซันเบิร์สสีน้ำเงินตัดกับเลขหลักชั่วโมงและหลักชั่วโมงที่เคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนวาสีขาว สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้ากันกับสีหน้าปัด หรือหากใครต้องการความทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้นขึ้น เราขอแนะนำให้เลือกรหัส PAM01301 ที่เป็นสายสเตนเลสตลีลไปเลย
แต่ถ้าจะไปให้สุดในไลน์นี้ก็ต้องจัดรหัส PAM01181 เพราะเป็นรุ่นเดียวที่มีตัวเรือนโกลด์เทคซึ่งเป็นทองสูตรพิเศษที่ Panerai คิดค้นขึ้นมาให้มีสีเข้มสวยเป็นพิเศษด้วยส่วนผสมของคอปเปอร์ และให้สีดังกล่าวนั้นทนนานไม่ขึ้นอ็อกซิไดซ์เหมือนทองปกติด้วยส่วนผสมของแพลทตินัม หน้าปัดแวววาวด้วยเปลือกหอยมุกสีขาวนวลสวยละมุน ตัวเลขและขีดหลักชั่วโมงเป็นทองเคลือบสารเรืองแสงซุปเปอร์ลูมิโนว่าสีขาว และเป็นรุ่นเดียวที่มีฝาหลังคริสตอลแซฟไฟร์เผยให้เห็นการทำงานของกลไกนาฬิกา สวมใส่อย่างหรูหราด้วยสายหนังจระเข้สีน้ำเงินพร้อมหัวเข็มขัดวัสดุเดียวกันกับตัวเรือน
นาฬิกา Luminor Due Luna ทุกรุ่นทำงานด้วยกลไกแบบขึ้นลานอัตโนมัติคาลิเบอร์ P.900/MP ที่มีกำลังลานสำรองถึง 3 วัน มาถึงตรงนี้เรามั่นใจว่าคุณเองก็คงจะรักพี่เสียดายน้องเลือกไม่ถูกแล้วเป็นแน่ ขอแนะนำให้ไปลองสวมใส่บนข้อมือกันจริงๆ ที่บูติคไปเลยจะได้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าโทนใดสีใดกันแน่ที่ขึ้นข้อคุณมากกว่ากัน
บทความที่เกี่ยวข้อง: Panerai CEO on Bringing a Heritage Brand Forward into the Increasingly Nuanced Future
Three versions of the 38 mm timepiece are offered in stainless steel, plus one in gold.
Words: Lapheepun Chotjinda
Luminor Due is a new Panerai design since 2016. It caters to a different clientele who appreciates a heightened level of suaveness and elegance through the use of smaller and slimmer case. As a result, the Luminor Due can be an everyday watch for those who do not require the fierceness of the Submersible and the Luminor or the unreservedly vintage aesthetics of the Radiomir.
Right from the launch, the Luminor Due has found support in people who have admired Panerai but could not find one in a size they could wear or one that corresponds with their lifestyle or wardrobe. Six years later, Panerai is broadening the Luminor Due collection with the moon phase complication. The new timepiece is known as Luminor Due Luna.
Measuring 38 mm in diameter, Panerai Luminor Due Luna is available in four interpretations: three in stainless steel and one in gold. Each one features a moon phase display at the three o’clock position. The moon, fashioned from 24K gold, sits prominently on a dark blue disc of speckled sky, while other characteristic features of the Luminor Due are immaculately preserved.
On the PAM01180 model in stainless steel, the white sun-brushed dial provides a fitting canvas for the moon phase disc to manifest itself. The sandwich construction of the dial reveals beige Super-LumiNova underneath at the numeral and hour marker positions. This watch is worn on a dark pink alligator strap with a stainless steel buckle. If you can be interested in a midnight blue shade, the PAM01179 shines in this hue, complete with white Super-LumiNova for the hour numerals and markers. It is matched by a blue alligator strap in the same color as the dial. For utmost practicality, the obvious choice is the PAM01301 – it is the only model a stainless steel bracelet.
At the top of the line is the PAM01181 whose case is crafted from Goldtech. The proprietary alloy was developed by Panerai with the inclusion of copper for greater intensity and platinum to keep the hue long-lasting and without oxidization like normal gold. Its softly glowing mother-of-pearl dial is graced with gold hour numerals and markers with white Super-LumiNova. This is the only Panerai Luminor Due Luna model with a sapphire crystal caseback that reveals the inner workings of the mechanical movement. Wear this watch with a blue alligator strap and a buckle in the same material as the case.
All Luminor Due Luna watches are powered by the self-winding Caliber P.900/MP with a power reserve of three days. If you cannot decide between two or more of these novelties, we suggest you make a visit to a Panerai boutique at your earliest convenience to try them and make a decision in person. Happy shopping!
See also: Panerai CEO on Bringing a Heritage Brand Forward into the Increasingly Nuanced Future
