ถึงคราว Omega ปรับโฉมนาฬิกา Moonwatch ขนานใหญ่ พร้อมใช้เครื่องไขลานรุ่น 3861 ทำให้นาฬิการุ่นนี้เข้าข่ายมาตรฐานมาสเตอร์โครโนมิเตอร์ในที่สุด
บทความ: รักดี โชติจินดา
เมื่อตอนเย็นนั่งบวกลบเลขดูแล้วก็ตกใจว่า Omega มีผลิตภัณฑ์ออกใหม่มากมายทุกปีแต่ไม่ได้อัพเดทนาฬิกา Speedmaster Professional อย่างมีนัยสำคัญมา 19 ปีแล้ว ครั้งล่าสุดคือเมื่อปี ค.ศ. 2002 กับรุ่น Ref. 3573.50 หรือที่เรียกกันติดปากในวงการนาฬิกาว่า “รุ่นแซฟไฟร์แซนด์วิช” เพราะมีการใช้แซฟไฟร์คริสตอลทางด้านหน้าประกอบกับฝาหลังแซฟไฟร์
และในวันนี้ Omega ก็จุดความคึกคักให้กับวงการนาฬิกาตั้งแต่ต้นปีด้วยการเปิดตัว Speedmaster Professional รุ่น ค.ศ. 2021 ซึ่งมีทั้งแบบตัวเรือนสเตนเลสสตีลและทองให้เลือก ทุกรุ่นใช้เครื่องไขลาน 3861 ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดจากเครื่อง 1861 เดิมให้มีศักยภาพเหนือกว่าด้วยโคแอ็กเซียลเอสเคปเมนท์ ซิลิคอนบาลานซ์สปริงและกำลังลานสำรองที่นานขึ้นเป็น 50 ชั่วโมง เราได้เห็นเครื่องรุ่น 3861 นี้เป็นครั้งแรกในนาฬิการุ่น Speedmaster Apollo 11 50th Anniversary Limited Edition ปี ค.ศ. 2019 โดยเป็นเครื่องที่สามารถทนทานต่ออิทธิพลของสนามแม่เหล็กกำลังแรงถึง 15,000 เกาส์ได้ ทำให้ Moonwatch รุ่นใหม่นี้ผ่านการรับรองตามมาตรฐานมาสเตอร์โครโนมิเตอร์และมาพร้อมกับการรับประกันนาน 5 ปี
ดีไซน์ของนาฬิการุ่นนี้อ้างอิงรุ่นวินเทจรหัส ST 105.012 เหมือนอย่างที่นักบินอวกาศ Apollo 11 สวมใส่บนดวงจันทร์เมื่อปี ค.ศ. 1969 ใครที่สนใจจะต้องเลือกระหว่างรุ่นที่ใช้เฮซาไลท์คริสตอลและฝาหลังทึบหรือรุ่นที่ใช้แซฟไฟร์คริสตอลและฝาหลังใส ราคา 218,000 บาทและ 248,000 บาทตามลำดับ (ราคาสำหรับรุ่นสายสเตนเลสสตีลทั้งคู่) Omega ขายรุ่นเฮซาไลท์แบบมาพร้อมกับสายผ้าไนล่อนสีดำและรุ่นแซฟไฟร์แบบมาพร้อมกับสายหนังสีดำด้วย แต่โดยปกติเราจะไม่แนะนำวิธีนี้เพราะการเปลี่ยนใจซื้อสายสเตนเลสสตีลใส่ให้กับนาฬิกาในภายหลังย่อมแพงกว่าอยู่แล้ว
นอกจากสเตนเลสสตีลแล้ว Omega Speedmaster Professional รุ่นปี ค.ศ. 2021 ยังมีผลิตเป็นทองอีกด้วยซึ่งถือว่าน่าสนใจมากเพราะว่า Omega ไม่มี Moonwatch แบบตัวเรือนทองสายทองมานานหลายปีมากแล้ว และในครั้งนี้ย่อมไม่ใช่ทองปกติ โดยรุ่นหนึ่งเป็นเซ็ดน่าโกลด์ (โรสโกลด์สูตรพิเศษของ Omega) และอีกรุ่นเป็นคาโนปุสโกลด์ซึ่งเราพอจะเข้าใจได้ว่าเป็นไวท์โกลด์สูตรพิเศษซึ่งเดี๋ยวเราจะต้องไปศึกษาเรื่องนี้กับ Omega ต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง: Longines and the New Spirit
With the hand-winding Calibre 3861, the iconic Moonwatch finally is Master Chronometer certified.
Words: Ruckdee Chotjinda
Believe it or not, despite the countless watch models introduced by Omega over the years, the iconic Moonwatch or Speedmaster Professional has not had a significant upgrade since the introduction of Ref. 3573.50, colloquially known as “the sapphire sandwich”. That changes now as Omega is jumpstarting the watch scene for 2021 with new and improved versions of the Speedmaster Professional in stainless steel and in two other precious metals.
This new generation Speedmaster is powered by the hand-winding Calibre 3861 – an improved version of the good old Calibre 1861 – with co-axial escapement, silicon balance spring and a longer power reserve of 50 hours. The movement, first used in the Speedmaster Apollo 11 50th Anniversary Limited Edition watch of 2019, is impervious to magnetic fields as strong as 15,000 gauss. The new Moonwatch is consequently Master Chronometer certified and comes with a 5-year warranty.
Aesthetically, the watch is styled after a vintage model known by reference number ST 105.012 – the one worn by Apollo 11 astronauts on the moon back in 1969. Trigger-happy collectors have an important decision to make, that is, whether they should get the Moonwatch with a hesalite crystal and a solid caseback or one with a sapphire crystal and a display back. The prices are 218,000 baht and 248,000 baht, respectively, for the references on a stainless steel bracelet. The former is also available on a black nylon fabric strap and the latter on a black leather strap, but we always advise readers to buy a watch with a bracelet first where possible.
The 2021 Omega Speedmaster Professional are produced in precious metals as well. We have not seen a Moonwatch in gold on a gold bracelet in a long, long time. The choices this time are either Sedna gold (Omega’s proprietary rose gold alloy with superior qualities) and Canopus gold which we have assume for the time being to be Omega’s white gold equivalent of Sedna gold.
See also: Longines and the New Spirit