ความภาคภูมิใจในแบบฉบับที่ผู้เป็นเจ้าของนาฬิกา Grand Seiko เข้าใจดี
บทความ: รักดี โชติจินดา
ในฐานะคนรักนาฬิกาคนหนึ่ง ผมชื่นชอบ Grand Seiko มาตั้งแต่ก่อนที่ Grand Seiko จะกลายเป็นแบรนด์เต็มรูปแบบแยกจาก Seiko และก่อนที่ผมจะมาทำงานเขียนให้กับนิตยสาร World of Watches Thailand ด้วยซ้ำ สาเหตุหลักที่ผมตัดสินใจซื้อ Grand Seiko เรือนแรกของผมแม้ว่าราคาในขณะนั้นจะสูงกว่านาฬิกาสวิสหลายแบรนด์ 2-3 เท่าอยู่แล้วก็เพราะว่าผมชื่นชมความประณีตในการขัดแต่งเครื่องและความเรียบร้อยของงานหน้าปัดและงานเข็ม และสาเหตุรองคือเพราะว่ารายละเอียดเหล่านี้เป็นเหมือนความลับเฉพาะกลุ่มที่คนทั่วไปไม่รู้ นำไปสู่ “ความรู้สึกหนึ่งในใจ”
และเมื่อ Grand Seiko ประเทศไทยประกาศแคมเปญชื่อ My Grand Seiko My Pride ในปีนี้ผมจึงค่อยคิดออกว่า “ความรู้สึกหนึ่งในใจ” ที่ว่านั้นแท้จริงแล้วก็คือ “ความภาคภูมิใจ” นั่นเอง ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของเรือนเวลาที่มีดีอยู่เงียบๆ แบบที่เจ้าของรู้เองคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาชมเชย แต่ว่า Grand Seiko ก็ไม่อาจเติบโตในเชิงธุรกิจได้หากจะมีคนรู้จักเขาเพียงแค่กลุ่มเล็กๆ จึงจำเป็นต้องมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ กับทั้งคนเล่นนาฬิกาและผู้บริโภคทั่วไป
คุณปวริศร์ เอี่ยมเอกพัฒนา ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลักชัวรี Grand Seiko (Thailand) เปิดเผยถึงการจัดแคมเปญ My Grand Seiko My Pride ว่ามีจุดประสงค์เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ผ่านความภาคภูมิใจของเซเลบริตี้จำนวน 8 ท่านที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางการงานของตนและเลือกสวมใส่นาฬิกา Grand Seiko ที่เปี่ยมด้วยรายละเอียดแห่งคุณภาพ เซเลบริตี้ที่มาร่วมแคมเปญในครั้งนี้ ได้แก่ คุณเจย์ สเปนเซอร์ คุณจุลจักร จักรพงษ์ ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล คุณกรุณ ซอโสตถิกุล คุณอภินรา ศรีกาญจนา คุณสรีนา ธีระวิทยภิญโญ คุณวฤธ หงสนันทน์ และ คุณชวัล เจียรวนนท์
แขกคนสำคัญในแคมเปญ My Grand Seiko My Pride แต่ละท่านอาจจะมีนาฬิกา Grand Seiko ต่างรุ่นกันก็จริง แต่ในแคมเปญนี้ทุกท่านใส่ Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura ถ่ายภาพเหมือนกันทั้งหมดเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ว่า Grand Seiko จะนำรายได้ส่วนหนึ่งจากการขายนาฬิการุ่นนี้บริจาคให้กับองค์กรสาธารณกุศลชื่อ Karen Hilltribes Trust เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชนเผ่ากะเหรี่ยงในจังหวัดแม่ฮ่องสอนในด้านการศึกษา การสร้างแหล่งน้ำและการอนุรักษ์ป่าไม้
Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura มีตัวเรือนทรง 62GS ขนาด 40 มม. ที่ผลิตจากไทเทเนียมจึงสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเพราะว่าขนาดไม่ใหญ่เกินไปและน้ำหนักไม่มากเกินไป จุดขายของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่หน้าปัดสีชมพูอ่อนที่เป็นตัวแทนของช่วงฤดูกาลชุนบุนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ผลิ เมื่อดอกซากุระถูกลมพัดตกลงไปบนผิวน้ำก็จะจับตัวกันเป็นแพสีชมพูเรียกว่า “ฮานาอิคาดะ” และ Grand Seiko ก็ถ่ายทอดความงามในธรรมชาติดังกล่าวลงสู่พื้นหน้าปัดนาฬิการุ่นนี้ได้อย่างน่าชม การทำงานใช้เครื่องแบบสปริงไดรฟ์รุ่น 9R65 ที่มีความเที่ยงตรงในระดับ +/- 1 วินาทีต่อวันหรือไม่เกิน +/- 15 วินาทีต่อเดือน กำลังลานสำรองอยู่ที่ 72 ชั่วโมงและมีเข็มบอกกำลังลานที่เหลือบริเวณตำแหน่ง 7-8 นาฬิกาบนหน้าปัด
คุณอากิระ ซากาอิริ กรรมการผู้จัดการ Grand Seiko (Thailand) กล่าวว่า “Grand Seiko มีประวัติยาวนานกว่า 60 ปี โดยแบรนด์ได้ออกแบบและพัฒนากลไกความเที่ยงตรงขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 1998 ซึ่งกลายเป็นประวัติศาสตร์ของจุดเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการผลิตนาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko นับเป็นมาตรฐานของประสิทธิภาพความเที่ยงตรงใหม่ โดยเป็นระดับที่สูงกว่ามาตรฐานที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในอุตสาหกรรมวงการนาฬิกา รวมถึงการออกแบบหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบสตูดิโอของ Grand Seiko สถานที่ที่นาฬิกากลไกจักรกลของ Grand Seiko ทุกเรือนถูกรังสรรค์ขึ้นตามปรัชญา Nature of Time ที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของแบรนด์ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความเที่ยงตรงและเน้นย้ำถึงดีเอ็นเอของแบรนด์ ความประณีตของงานฝีมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขัดเงาแบบซารัตสึซึ่งเป็นศิลปะแห่งการสร้างสรรค์และเป็นเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Grand Seiko”
ความพิเศษทั้งหมดนี้ได้รับการนำเสนอผ่านทางองค์ประกอบต่างๆ ของนิทรรศการ My Grand Seiko My Pride ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ Fashion Hall ชั้น 1 ศูนย์การค้า Siam Paragon ภายในนิทรรศการแบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ โซนแสดงภาพถ่ายเซเลบริตี้ทั้ง 8 ท่านกับนาฬิกา Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura ดังกล่าว โซนแสดงนาฬิกา Grand Seiko จากคอลเลคชั่นส่วนตัวของนักสะสมนาฬิกาชาวไทย และ โซนแสดงนาฬิการุ่นสำคัญจากพิพิธภัณฑ์ที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างเช่นนาฬิกา Grand Seiko รุ่นสร้างชื่อรุ่นแรกจากปี ค.ศ. 1960 และนาฬิกา Grand Seiko Hi-Beat 45GS จากปี ค.ศ. 1968 เป็นต้น
แม้ว่านิทรรศการจะจบไปแล้วแต่ผู้ที่สนใจในบุคลิกที่ไม่เหมือนใครของ Grand Seiko สามารถไปทำความรู้จักกับนาฬิการุ่นต่างๆ ได้ที่บูติคของ Grand Seiko ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้า Gaysorn Village ทุกวันเวลา 10.00-19.00 น.
บทความที่เกี่ยวข้อง: 18-Month Review of the Bulgari Octo Finissimo Chronograph GMT
Grand Seiko (Thailand) engages eight celebrity customers in a photography campaign to enhance the brand’s visibility.
Words: Ruckdee Chotjinda
As a watch lover, I have been a fan of Grand Seiko long before it became its own brand independent from Seiko – and way before I began writing for World of Watches Thailand. The main factor convincing me to buy my first Grand Seiko, despite it being two to three times more expensive than many Swiss brands, was the exquisite movement finishing and the refined elegance of its dial and hands. The secondary factor? The details that felt like insider secrets, known only to the informed few, leading to a certain feeling that I could not quite describe in words.
But when Grand Seiko (Thailand) launched the “My Grand Seiko My Pride” campaign this year, it struck me that the feeling I had could be summed up as “pride”. I take immense pride in owning a timepiece that quietly exudes quality, known only to its wearer without needing validation from others. However, for Grand Seiko to thrive as a business, it needs to be known beyond just a niche audience. Hence, various promotional activities are necessary to reach both watch enthusiasts and the general public alike.
Pavaris Eam-ekpattana, Luxury Group Director, Grand Seiko (Thailand), explained that the “My Grand Seiko My Pride” campaign aims to convey the brand’s story through the personality of eight celebrities who have succeeded in their respective careers and chosen to wear a Grand Seiko watch for the qualities that it imbues. These celebrities include Jay Spencer, Chulachak Chakrabongse, M.R. Chalermchatri Yukol, Karoon Sosothikul, Apinara Srikarnchana, Sareena Teeravithayapinyo, Varit Hongsananda and Chaval Jiaravanon.
While each celebrity may own different Grand Seiko models in real life, they all wore the Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura for the campaign. This was to highlight that a portion of the proceeds from sales of this model would be donated to the charity organisation Karen Hilltribes Trust, with the goal of improving the lives of the Karen ethnic group in Mae Hong Son province through education, water resource development, and forest conservation.
Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura features a 62GS style case in a 40 mm size that is made of titanium. As such, it is neither too large nor too heavy to be enjoyed by men and women alike. A major selling point, the soft pink dial represents the Shunbun period that marks the beginning of spring in Japanese culture. This is the time when cherry blossoms are blown by the wind and descend onto the water’s surface, creating a mesmerising pink carpet known as “hana-ikada”, which is now preserved for eternity on the dial of this SBGA413 watch. The timepiece is powered by the Spring Drive caliber 9R65 that is accurate to the level of +/- 1 second per day or no more than +/- 15 seconds per month. Its 72-hour power reserve is indicated by a small hand between the 7 and 8 o’clock positions on the dial.
“Grand Seiko has a long history of more than 60 years with the creation of its new high-precision movement since 1998. That was the beginning of the Grand Seiko’s new era in mechanical movement development and manufacture. This also brought the new precision and efficiency standard which then set the unique Grand Seiko standard that is the superior level over the general ones in the watch industry”, said Akira Sakairi, Managing Director, Grand Seiko (Thailand).
“As our DNA, the dial designs are also inspired by the environment and nature surrounding the Grand Seiko Shizukuishi Studio where all the mechanical timepieces of Grand Seiko were created, reflecting the ‘Nature of Time’ philosophy and the essence of the brand as the high precision watch leader and the elaborated, exceptional craftsmanship, such as the Zaratsu polishing, creating art and all the skilful technical identities of Grand Seiko.”
These unique particularities were presented through various components of the “My Grand Seiko My Pride” exhibition, held from 7-11 February at the Fashion Hall, Siam Paragon. The exhibition comprised three zones: one for the display of celebrity photographs with the Grand Seiko Heritage SBGA413 Sakura, one for the showcase of notable watches from the private collections of Thai watch collectors, and another for significant Grand Seiko pieces from the museum in Japan, such as the very first Grand Seiko from 1960 and the Grand Seiko Hi-Beat 45GS from 1968.
Although the exhibition has ended, those interested in Grand Seiko’s unique personality can still explore various watch models at the Grand Seiko Boutique on the 1st floor of Gaysorn Village. The store is open daily from 10:00 to 19:00.
See also: 18-Month Review of the Bulgari Octo Finissimo Chronograph GMT
