รีวิว Mido Ocean Star 39 นาฬิกาดำน้ำราคาสุดคุ้มขนาดกลางๆ ที่ใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง
บทความ: รักดี โชติจินดา
Mido Ocean Star 39 คือนาฬิกาดำน้ำที่เหมาะสำหรับคุณผู้ชายที่ไม่อินกับนาฬิกาเรือนโตๆ แล้ว และสำหรับคุณผู้หญิงที่อยากได้ความสปอร์ตของตัวเรือนขนาด 39 มม. นี่คือขนาดใหม่ล่าสุดในคอลเลคชั่นนาฬิกาดำน้ำ Ocean Star ซึ่งมีประวัติสืบย้อนกลับไปได้ถึงปี ค.ศ. 1944 หรือ 80 ปีก่อนทีเดียว
Ocean Star เริ่มเป็นที่สนใจของผมเมื่อปี ค.ศ. 2016 ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาดำน้ำ 200 เมตรตัวเรือนและสายไทเทเนียมในราคาสามหมื่นปลายที่งาน Baselworld (และปัจจุบันนาฬิการุ่นดังกล่าวก็ยังขายอยู่ในราคาที่ขึ้นมาถึงเพียงแค่ 41,100 บาทเท่านั้น) และในปีนี้กองบรรณาธิการของเราก็ได้รับนาฬิกาเรือนตัวอย่างของ Ocean Star 39 ใหม่มาเรือนหนึ่งเพื่อการรีวิวก่อนนำไปคืนเขา เราจึงต่อรองกับ Mido ว่าเราอยากทำเป็นบทความเชิงลึก ขอตัดสายนาฬิกาให้พอดีข้อมือเพื่อใส่จริงเป็นเวลา 7 วันเลยได้หรือไม่ ซึ่งทาง Mido ก็ใจดีโอเคกับเราตามนั้นทั้งหมด
ผมมองว่าความน่าสนใจอันดับแรกของ Mido Ocean Star 39 อยู่ตรงการที่เป็นนาฬิกาดำน้ำสวิสเมดแท้ๆ ในระดับราคาที่จับต้องได้ด้วยค่าตัว 40,300 บาท เหมาะกับผู้ซื้อที่คำนึงถึงความคุ้มค่า และดีที่สุดสำหรับคนข้อมือไม่ใหญ่มาก กล่าวคือ ถ้าปกติคุณชอบนาฬิกาขนาด 38-40 มม. อยู่แล้ว Ocean Star 39 รุ่นนี้เกิดมาเพื่อคุณเลย และถ้าคุณใส่นาฬิกาขนาด 40-42 มม. เป็นหลักก็จะอาจจะรู้สึกว่าพอดีอยู่หรือรู้สึกว่าเล็กไปนิด แล้วแต่คน แต่ถ้าคุณใส่นาฬิกา 42-44 มม. เป็นประจำนี่จบแล้ว Ocean Star 39 เรือนนี้ไม่ใช่ทางของคุณแล้วแน่นอน ตัวเรือนสเตนเลสสตีล 39 มม. ของ Ocean Star 39 หนาเพียง 10.5 มม. เท่านั้น เวลาใส่บนข้อมือแล้วรู้สึกถึงความแตกต่างจากนาฬิกาดำน้ำทั่วไปแบบรู้สึกได้ทันที สาเหตุที่บางลงกว่า Ocean Star 200 และ Ocean Star 200C ได้ 1.3 มม. และ 1.8 มม. ตามลำดับทั้งที่นาฬิกา 3 รุ่นนี้กันน้ำได้ 200 เมตรเท่ากัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า Ocean Star 39 ใช้เครื่องรุ่นคาลิเบอร์ 72 ซึ่งบางกว่าคาลิเบอร์ 80 ในอีก 2 รุ่นนั้นด้วย
หากถามว่าใช้เครื่องรุ่นคาลิเบอร์ 72 แทนคาลิเบอร์ 80 แล้วอยากตัดคะแนนหรือไม่ ก็ไม่ขนาดนั้นนะครับ เพราะกำลังลานสำรองที่หายไปก็แค่ 8 ชั่วโมง มันไม่ได้มีผลต่อชีวิตเท่าไรนัก และ 72 ชั่วโมงนี่ก็นานกว่าเครื่องนาฬิกาแบบพื้นฐานของวงการถึงราว 30 ชั่วโมงอยู่แล้ว เทียบเท่ากับ 3 วันเต็มอยู่แล้ว ถ้าถอดวางไว้วันอาทิตย์ตอนค่ำ กว่านาฬิกาจะดับก็วันพุธตอนค่ำโน่นเลย และต่อให้มีกำลังลานสำรอง 80 ชั่วโมงแต่เราปล่อยไว้ถึงเช้าวันพฤหัสบดีก็ดับอยู่ดีไม่ต่างกัน สำหรับเรื่องความเที่ยงตรงนั้น Ocean Star 39 เรือนที่ผมได้รับมาทดลองใส่เดินเร็ว 9-10 วินาทีต่อวันซึ่งเมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่ากลางๆ ค่อนไปทางดีเพราะ Mido เองก็ไม่ได้ปรับตั้งนาฬิการุ่นนี้ให้เที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ตั้งแต่แรก
สายนาฬิกาเป็นแบบกว้าง 20 มม. ที่ขาตัวเรือนและลู่ลงมาเหลือ 17 มม. ที่บานพับ ความหนาของข้อสายสมส่วนกับตัวเรือน ไม่บางหรือหนาเกินไป ลวดลายของข้อสายอาจจะดูธรรมดามากก็จริง แต่เมื่ออยู่บนข้อมือและมองใกล้ๆ แล้วจะเห็นว่าชิ้นกลางของข้อสายนั้นนูนกว่าชิ้นทางด้านซ้ายและขวาเล็กน้อย แถมยังมีการขัดเงาบริเวณสันเหลี่ยมของข้ออย่างดูมีราคาด้วย ไม่ได้เป็นแค่เส้นขัดเงาแบนๆ อย่างที่คุณอาจจะคิดเมื่อเห็นภาพโปรโมทของแบรนด์
มาพูดถึงหน้าปัดซึ่งเป็นจุดขายสำคัญของ Ocean Star 39 รุ่นนี้กันบ้างดีกว่า หน้าปัดของนาฬิการุ่นนี้มีการไล่เฉดจากดำลงมาเป็นน้ำเงินแบบสดใสและแปลกตา แถมยังเป็นการไล่เฉดอย่างแนบเนียนมากๆ เสียด้วย ต่อให้เอาลูปมาส่องใกล้ๆ ก็ไม่เห็นว่าสีสะดุดตรงจุดใดเลยทั้งที่หน้าปัดเป็นลายริ้วทรายนูนต่ำ ไม่ได้เป็นพื้นเรียบ ความสดของสีน้ำเงินจะปรากฏชัดที่สุดเวลาอยู่กลางแจ้งหรือเมื่อมีแสงจ้าจากเพดาน ถ้าอยู่ในที่ร่มที่มีสภาพแสงปกติก็จะดูออกดำลงตามลำดับ ส่วนความชัดเจนของลายริ้วทรายนั้นก็อยู่ที่ความสว่างและก็มุมด้วย ถ้าคุณมองนาฬิกาแบบหน้าปัดได้ระนาบกับหน้าคุณก็จะเห็นลายริ้วทรายน้อย แต่ถ้าเอียงนาฬิกาขึ้นสัก 45 องศาก็จะเห็นริ้วทรายมาเป็นลอนแบบชัดเจนเลย ดังนั้นจึงไม่ต้องกลัวว่าจะเบื่อหรือรำคาญเพราะลายริ้วทรายนี้มันจะมาๆ ไปๆ อยู่แล้ว และที่สำคัญมากอีกองค์ประกอบหนึ่งก็คือแซฟไฟร์คริสตอลของนาฬิการุ่นนี้ซึ่งมีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งทางด้านในและด้านนอก คุณจึงสามารถเห็นรายละเอียดหรือความสวยงามของหน้าปัดได้ในทุกสภาพแสง ไม่ว่าจะอยู่ในร่มหรือว่ากลางแจ้ง
ขอบตัวเรือนหมุนได้ทิศทางเดียวของนาฬิการุ่นนี้หมุนและหยุดหมุนได้พอดีตำแหน่ง ไม่มีระยะฟรีให้รำคาญใจ ต่อให้แกล้งหมุนเขาย้อนทางกลับก็จะไม่ยอมขยับแม้แต่น้อย ถือว่าน่าพอใจมากในระดับราคานี้ครับ เรื่องระยะฟรีนี้เป็นเพนพ้อยท์ของผมมากๆ นาฬิกาดำน้ำนี่หลายรุ่นผมชอบแต่ไม่ซื้อเพราะขอบหมุนดันมีระยะฟรีนี่แหละ แต่ Ocean Star 39 ไม่มี คือดีงาม วงแหวนอลูมิเนียมของขอบตัวเรือนมีการแบ่งครึ่งบนเป็นสีดำและครึ่งล่างเป็นสีน้ำเงิน เมื่อวันที่ผมโพสท์รูปนาฬิการุ่นนี้บนเพจของ World of Watches Thailand เป็นครั้งแรกก็มีผู้อ่านทักว่าเสียดายที่วงแหวนขอบตัวเรือนไม่ได้เป็นเซรามิก ตอนนั้นผมก็ค่อนไปทางเห็นด้วย แต่เมื่อได้ใส่ Ocean Star 39 เรือนนี้ภายใต้สภาพแสงต่างๆ ทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์แล้ว 7 วันก็พบว่าให้วงแหวนมันเป็นอลูมิเนียมแบบนี้แหละดีแล้ว เพราะมันจะได้ฟีลวินเทจเบาๆ เข้ากับดีไซน์ของหลักชั่วโมงและตัวเรือนโดยรวมที่จริงๆ ก็ไม่มีคราวน์การ์ดเสียด้วย หากเป็นวงแหวนเซรามิกก็จะดูมันและเงาแบบโมเดิร์นจนเกินไปครับ
โดยรวมแล้ว Ocean Star 39 ให้ฟีลวีคเอนด์หรือซัมเมอร์มากกว่าที่จะใส่เป็นเรือนทำงานอยู่ออฟฟิศเป็นประจำวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่ถ้าจะใส่มาออฟฟิศสักสัปดาห์ละครั้งแบบนั้นยังโอเค ไม่เยอะเกินไป และเวลานี้ผมสามารถบอกคุณผู้อ่านทุกท่านด้วยความมั่นใจได้ว่าผมเจอข้อเสียของนาฬิการุ่นนี้เพียงแค่ประการเดียว คือ ผมรู้สึกว่าบานพับมันยาวไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับขนาดตัวเรือน (และจริงๆ แล้วยาวเกินไปสำหรับผู้หญิงข้อมือเล็กด้วย) เหมือน Mido เอาบานพับของรุ่น 42.5 มม. มาใส่ตรงๆ เลยอย่างไรอย่างนั้น จริงอยู่ที่บานพับนี้จำเป็นต้องยาวเพื่อให้กลไกยืดสายมีที่เข้าไปซ่อนตัวเวลาไม่ใช้งาน แต่ถ้าจะเอาไปดำน้ำจริงจังก็ควรจะไปซื้อ Ocean Star 200 หรือ 200C ที่มีตัวเรือนขนาด 42.5 มม. ไปเลย แล้ว Mido ก็ทำ Ocean Star 39 ให้เป็นผลิตภัณฑ์แนวไลฟ์สไตล์ที่บานพับยืดขยายได้เล็กน้อยก็พอ
Mido Ocean Star 39 มีรุ่นหน้าปัดสีดำ-เทาที่มาพร้อมกับวงแหวนขอบตัวเรือนสีดำ-เทา และรุ่นหน้าปัดสีแชมเปญที่มาพร้อมกับวงแหวนขอบตัวเรือนสีดำล้วนด้วย แต่ไม่ต้องไปซื้อสองสีนั้นหรอกครับ เพราะรุ่นหน้าดำ-เทาก็ไม่สดใสเหมือนรุ่นหน้าดำ-น้ำเงิน และรุ่นหน้าแชมเปญก็สีทองท๊องทองเสียเหลือเกิน จะมีที่ดูน่าสนใจหน่อยก็คงเป็นรุ่นที่ตัวเรือนเคลือบดำด้วยกระบวนการพีวีดีและมีหลักชั่วโมงสีส้มบนหน้าปัดสีดำเพราะว่ามันก็ดูดุดี ถึงจะไม่ไดัอารมณ์ชายหาดอย่างรุ่นหน้าดำ-น้ำเงินก็ตาม
สุดท้ายนี้ผมก็หวังว่ารีวิวแบบชอบก็ชมและปรับปรุงได้ก็บอกนี้จะมีประโยชน์กับคุณผู้อ่านที่กำลังสนใจนาฬิการุ่นนี้อยู่นะครับ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และจุดขายของ Mido กรุณาติดต่อทาง LINE ที่ @midothailand ครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง: Blancpain Fifty Fathoms Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune Pitches a Strong Black Persona
Slimmer and more compact but without any sacrifice on robustness, this new dive watch promises to be a great wear for buyers of all genders.
Words: Ruckdee Chotjinda
If you are a gentleman who is growing out of oversized dive watches, or if you are a lady who enjoys the sportiness of a 39 mm case size, the new and compact-sized Mido Ocean Star 39 is a strong candidate for your next purchase. The name Ocean Star can be traced back 80 years to 1944. For this writer, the collection has become a subject of attention in 2016 when Mido presented at Baselworld a version of the Ocean Star in titanium with a matching bracelet and a price tag below 40,000 baht – the said model still retails for 41,100 baht today.
For this year, we have received a loan example of the new Ocean Star 39 for our experience. We proposed to Mido that we could do an in-depth review of this novelty, but we would need to have the bracelet sized and to wear it in real life for seven days. They agreed to the idea, and you are reading the product of that arrangement.
The Mido Ocean Star 39 is interesting first of all for being such an accessible Swiss made dive watch at a price tag of 40,300 baht. The watch offers great value and amazing wearability. It is a natural choice for those who routinely wear 38-40 mm watch. If your normal range is 40-42 mm, you may find the Ocean Star 39 to be just okay or a tad bit too small, depending on your actual taste. However, if your watches are all in the range of 42-44 mm, then for sure this is not the watch you would want to wear.
Its 39 mm stainless steel case measures only 10.5 mm in thickness. The slimness can be felt immediately once you put it on your wrists. It is 1.3 mm thinner than the Ocean Star 200 and 1.8 mm than the Ocean Star 200C despite sharing the same water resistance rating of 200 meters, thanks to the use of the slimmer Caliber 72 than the Caliber 80 as found in those other watches.
Is the use of Caliber 72 instead of Caliber 80 a dealbreaker? Well, not for me, for sure. The difference of eight hours is not significant, relatively speaking. Besides, Caliber 72 already offers some 30 extra hours over industry standard movements. That is three full days already. If you put the watch aside in the evening of Sunday, the watch will not go out of power until Wednesday evening. Now, imagine that you have 80 hours instead of 72 hours, and you let the watch sit until Thursday morning, the power reserve will have depleted anyway. In terms of accuracy, my loan piece was in the range of 9-10 seconds fast per day. I would rate this performance as average, bordering on being good, as Mido did not adjust the movement to chronometer standard in the first place.
The bracelet of the Ocean Star 39 tapers nicely from 20 mm at the lugs to 17 mm at the clasp. It is neither too thick or too thin for the case. I should want to direct your attention to the design of the links which may appear very generic from afar. The fact is that, once you look closely while the watch is on your wrist, you would notice that the middle piece of the link is slightly thicker than the lateral pieces, and that the two polished strips you see in the promotional images are in fact its bevels!
Now, it is time I move on to the dial, which is a key selling point of this novelty. The dial of the Ocean Star 39 features a smooth gradient from black to blue. Having scrutinized the dial through a macro lens, I cannot emphasize enough how impeccable this gradation is, despite the uneven surface of the sand ripples dial. You cannot tell where one color ends and the other begins. The intensity of the blue is most distinct outdoor or when there is a strong light coming down from the ceiling. The overall shades appear more black when indoor with average artificial light intensity.
As for the sand ripples, their prominence changes with the light and the angle of viewing as well. When the watch dial is parallel to your face, the ripples are less perceptible. But once you rotate your wrist so that the dial is at a 45 degrees angle to your face, the ripples would become all the more pronounced. I felt that this is an important information to share, in case anyone out there is concerned about the ripples being too much or too out there. No, they do come and go.
Importantly, the Ocean Star 39 is built with anti-reflective coating on both sides of the sapphire crystal, allowing you to admire the details on the dial under all lighting circumstances, be it indoor or outdoor. Its unidirectional bezel offers a crisp and tight feel when turning. There is no freeplay whatsoever. I did try to turn the bezel the wrong way just a little to see how much it gives. No, it did not give at all, and I like it so. There are several dive watches that I like but would not buy just on the basis of the said freeplay of the bezel. You can call it my pet peeve. And the Ocean Star 39 is a winner in this aspect of the contest.
Also, I like the fact that Mido chose to fashion the black-blue bezel ring in aluminium. When I first shared promotion images of this watch on our World of Watches Thailand Facebook page, a reader commented on that he wished the bezel was ceramic. At the time, I half agreed with him on the basis of production cost and retail price consideration. Now, however, after having worn the watch for seven days, I would prefer for the bezel insert to be aluminium for the subtle vintage feel it imparts, matching the design of the hour markers and the overall aesthetic of the case without crown guards. A ceramic bezel insert would have been to shiny and modern here.
For lack of a more precise classification, I will call this a weekend or a summer watch. I would not wear it going to work on a daily basis from Monday to Friday. Maybe I will put it on and go to the office with it once a week, because that is all right, but its casual vibe is certainly not a watch for all five days of the work week. The only element I found to be a drawback is the size of the clasp – it looks and feels somewhat too long for the diameter of the case (and it will not look right on a petite lady’s wrist). It is as if Mido took the clasp from their 42.5 mm Ocean Star and put it here. While I appreciate that the clasp needs to be of a certain length in order to accommodate the micro-adjusted diver extension, I think it would have been more appropriate for this watch to have a shorter micro adjustment for regular daily wear. The Ocean Star 39 should have been positioned as a lifestyle product for people who enjoy days in the sun. For more serious diving and to wear over a wetsuit, the existing Ocean Star 200 and 200C in 42.5 mm size are readily available.
Mido Ocean Star 39 comes in three other versions. The version with black-gray dial and a black-gray bezel looks a bit too subdued to me, while the version with a champagne dial and an all-black bezel seems quite conspicuous. I definitely prefer the black-blue version over these two. The next contender would be that final version with orange markers on a black dial in a black PVD case, but it is more tactical than vacation, when you think about it. So, yes, I come back to my original choice of the black-blue one.
I hope my observations above are useful for anyone considering this watch model. For more details on Mido products and points of sale in Thailand, please contact Mido by LINE at @midothailand.
See also: Blancpain Fifty Fathoms Bathyscaphe Quantième Complet Phases de Lune Pitches a Strong Black Persona