MB&F ต่อยอดความสำเร็จด้วยนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นใหม่ Legacy Machine Sequential Flyback
บทความ: รักดี โชติจินดา
MB&F ร่วมงานกับช่างนาฬิกาชาวไอริชชื่อสตีเฟน แมคดอนเนลเป็นครั้งแรกในโปรเจค Legacy Machine Perpetual ที่เปิดตัวเมื่อปี ค.ศ. 2015 หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี เขาก็เสนอไอเดียใหม่ให้กับคุณแม็กซิมิเลียน บุสเซอร์ขณะที่ทานข้าวมื้อเย็นอยู่ด้วยกัน โดยไอเดียของเขานั้นคือการสร้างนาฬิกาโครโนกราฟที่สามารถใช้งานได้ในรูปแบบที่ไมเหมือนกับนาฬิกาโครโนกราฟรุ่นอื่นใดที่ออกมาก่อนหน้า
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2022 คือนาฬิกา Legacy Machine Sequential EVO ซึ่งมีโครโนกราฟ 2 ชุดอยู่ในเครื่องนาฬิกาเครื่องเดียวกัน มีฟลายอิ้งบาลานซ์วีลอยู่ตรงกลางซึ่งทำหน้าที่คุมเวลาของโครโนกราฟทั้งคู่ และมีปุ่มทวินเวอร์เตอร์เพื่อเลือกโหมดการทำงานของระบบโครโนกราฟซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ โหมด Independent เพื่อการจับเวลาสองเหตุการณ์แยกกันโดยอิสระ โหมด Split-Second เพื่อการจับเวลาการแข่งขันที่ปล่อยตัวพร้อมกันแต่เข้าเส้นชัยไม่พร้อมกัน โหมด Sequential เพื่อการจับเวลาต่อรอบ และ โหมด Cumulative เพื่อการจับเวลาสะสมที่ผู้แข่งขันสองฝ่ายผลัดกันใช้ ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องนาฬิกาที่ใช้ในนาฬิการุ่น LM Sequential EVO ยังได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการสูญเสียพลังงานขณะที่กดปุ่มสั่งให้ระบบโครโนกราฟเริ่มทำงานด้วย สุดท้ายแล้วจึงสามารถคว้ารางวัลใหญ่ Aiguille d’Or ในรายการ GPHG ปีนั้นไปครองอย่างสมภาคภูมิ
สำหรับนาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดที่ MB&F เปิดตัวในปีนี้คือ Legacy Machine Sequential Flyback ในตัวเรือน LM แบบคลาสสิก (ไม่ใช่ตัวเรือน LM EVO ที่เป็นแบบสปอร์ตมากกว่า) ความพิเศษที่เพิ่มเข้ามาก็คือฟังก์ชั่นฟลายแบ็คที่ทำให้คุณสามารถกดเริ่มจับเวลาครั้งใหม่ได้โดยที่ไม่ต้องกดหยุดจับเวลาครั้งก่อนและกดรีเซ็ทเข็ม คุณแม็คดอนเนลสามารถเพิ่มชุดฟลายแบ็คเข้าไปโดยที่ไม่ต้องทำให้ตัวเรือนนาฬิกาใหญ่ขึ้นเพราะว่าเขาตั้งใจให้นาฬิกา LM Sequential มีฟังก์ชั่นฟลายแบ็คอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วยความซับซ้อนของชุดกลไกที่เกี่ยวข้อง เขาจึงรู้สึกว่ากลไกนี้ยังไม่พร้อมจะออกสู่ตลาดจริง แม้จะใช้เวลาทำชุดต้นแบบเฉพาะกลไกฟลายแบ็คนี้นานถึง 4 เดือนจากเวลาที่ใช้ทำชุดต้นแบบทั้งเรือน 9 เดือน และในที่สุดเขายังต้องใช้เวลาอีกถึง 2 ปีในการปรับปรุงและทดสอบกลไกฟลายแบ็คนี้จนมั่นใจได้ว่ามีความทนทานในระยะยาวเพียงพอที่จะลงตลาดจริงได้
วิธีการที่ง่ายที่สุดที่สามารถใช้ดูว่านาฬิกาเรือนตรงหน้านั้นเป็น LM Sequential Flyback หรือเป็นรุ่นก่อนหน้าคือให้ดูที่หน้าปัดบอกเวลาตรงตำแหน่ง 6 นาฬิกาซึ่งในรุ่น LM Sequential Flyback นั้นจะเป็นแบบเอียงเข้าหาหน้าของเจ้าของนาฬิกา ในขณะที่หน้าปัดบอกเวลาในรุ่น LM Sequential EVO จะแบนขนานกับตัวเรือนและซ้อนทับกับวงทดนาทีของระบบโครโนกราฟทางด้านซ้ายและขวา นาฬิกา LM Sequential Flyback รุ่นแรกที่ออกมานี้เป็นรุ่นแพลทตินัมที่มีหน้าปัดบอกเวลา วงทดวินาทีและวงทดนาทีของระบบโครโนกราฟเป็นแบบแลคเกอร์สีขาวอยู่เหนือพื้นหลังสีฟ้าจึงดูมีความเดรสมากกว่า LM Sequential EVO ที่ดุดันกว่าด้วยหน้าปัดและเคาน์เตอร์สีดำเหนือพื้นหลังสีส้มหรือสีดำ
ปุ่มกดทั้งหมดทางด้านซ้ายและขวาของตัวเรือนยังคงทำหน้าที่เหมือนเดิม หากจะมีอะไรต่างไปก็เพียงปุ่มรีเซ็ทของโครโนกราฟทั้งด้านซ้ายและด้านขวาที่ในเวลานี้มีฟังก์ชั่นฟลายแบ็คอยู่ในตัวแล้วจากเดิมที่เป็นปุ่มรีเซ็ทแบบธรรมดา การทำงานใช้เครื่องนาฬิกาแบบไขลานที่มีชิ้นส่วนจำนวน 619 ชิ้น (จากเดิมที่มี 585 ชิ้นในรุ่น LM Sequential EVO) กำลังลานสำรองของเครื่องรุ่นนี้อยู่ที่ 72 ชั่วโมงด้วยการใช้แบเรลคู่และมีเข็มบอกกำลังลานสำรองขนาดเล็กอยู่ทางด้านหลังของเครื่อง
Legacy Machine Sequential Flyback มีตัวเรือนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 44 มม. และหนา 18.2 มม. สำหรับรุ่นแรกในตัวเรือนแพลทตินัมนี้จะผลิตเป็นจำนวนจำกัดเพียง 33 เรือนเท่านั้น และสวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้สีดำกับบานพับไวท์โกลด์ รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิการุ่นนี้หรือแบรนด์ MB&F กรุณาติดต่อ PMT The Hour Glass สาขาสยามพารากอนที่หมายเลข 02-129-4777
บทความที่เกี่ยวข้อง: MB&F M.A.D. Gallery Geneva Receives Complete Makeover
After two years of testing in secret, the new timepiece in platinum is ready to grace the first 33 wrists around the world.
Words: Ruckdee Chotjinda
MB&F first collaborated with Stephen McDonnell on the Legacy Machine Perpetual watch which was launched in 2015. Only one year after, during a dinner with Maximilian Büsser, the Irish watchmaker revealed his idea of developing a chronograph watch unlike anything before it.
The resulting product in 2022, the Legacy Machine Sequential EVO, featured two independent chronographs, linked by a central flying balance wheel in a single movement, and the Twinverter binary switch that allowed for four timing modes: independent, split-second, sequential and cumulative. The movement was also designed in such a way to minimize impact from energy losses when the chronograph is actuated. It went on to win the top “Aiguille d’Or” prize from GPHG in the same year.
Enters the Legacy Machine Sequential Flyback, in a classical LM and not the more sportive LM EVO case. The novelty improves upon perfection through the incorporation of the flyback functionality where a new timing can be started instantaneously without first having to stop the previous one and to reset the hands. McDonnell is able to do this without having to enlarge the dimension because the intention was to have this useful feature in the first place. However, due to its inherent complexity, McDonnell was of the opinion that the flyback mechanism needed more improvement, despite it having taken up four out of nine months of prototyping already. Eventually, he would spend two more years of testing in secret until the elements involved were proven to be sufficiently robust in the long term.
The quickest way to distinguish the LM Sequential Flyback from its predecessor is to check the small time-telling dial at six o’clock as it would be raised and inclined towards the wearer, whereas this element was flat in the LM Sequential EVO and partially overlapped with the chronograph second counters. This first edition of LM Sequential Flyback in platinum featureห white lacquered dial and counters on top of a sky blue dial plate, giving the timepiece a dressier personality than the more sportive LM Sequential EVO with its black dial and counters on top of an orange or black dial plate.
Operationally, all pushers on both sides of the case continue to have the same functions as before, except for the flyback enhancement that is built into the reset pushers of both the left and right chronographs. At the heart of it all is the hand-winding caliber with a total of 619 components (as opposed to 585 components on the LM Sequential EVO). This movement is built with a double barrel for a combined power reserve of 72 hours as indicated by a small hand on the back.
Measuring 44 mm in diameter and 18.2 mm in height, the Legacy Machine Sequential Flyback in platinum is worn on a black alligator leather strap and a white gold folding buckle. It will be produced in a limited run of only 33 pieces. For more information on the product or the brand, please contact PMT The Hour Glass Siam Paragon at 02-129-4777.
See also: MB&F M.A.D. Gallery Geneva Receives Complete Makeover