งานรวมตัวของคนรักนาฬิกา โดยคนรักนาฬิกา เพื่อคนรักนาฬิกา
บทความ: รักดี โชติจินดา ภาพ: The Hour Glass
The Hour Glass ประเทศสิงคโปร์จัดงานรวมตัวผู้ผลิตและคนรักนาฬิกาชื่อ IAMWATCH ระหว่างวันที่ 17-20 ตุลาคมที่ประเทศสิงคโปร์ รูปแบบงานสบายๆ สไตล์เป็นกันเองด้วยเดรสโค๊ดธีมรีสอร์ท โดยมีข้อกำหนดพิเศษว่าขอให้ทุกคนใส่นาฬิกาบนข้อมือทั้งสองข้างเพื่อบ่งบอกความเป็นตัวตน และเราก็ดีใจมากๆ ที่ตัดสินใจเดินทางไปร่วมงานที่มีรายละเอียดมากมายในครั้งนี้
ก่อนอื่นเราต้องขอสารภาพว่าเรารู้สึกสับสนเมื่อครั้งที่เห็นข่าวเรื่องการจัดงานนี้เป็นครั้งแรก เพราะว่าในประเทศไทยของเรานั้นมีสื่อนาฬิกาสื่อหนึ่งที่ใช้ชื่อ IAMWATCH มานานและสะกดเหมือนกับชื่องานทุกประการ และเมื่อ 20 ปีก่อน The Hour Glass ก็เคยจัดงานนาฬิกาลักษณะคล้ายกันนี้ที่มีชื่อว่า Tempus แต่ไม่เอาชื่อเก่ากลับมาใช้ใหม่ เราจึงเข้าใจไปพักใหญ่ว่าเป็นการจัดงานร่วมกันระหว่าง The Hour Glass และสื่อดังกล่าว
จนกระทั่งวันหนึ่งเราได้พูดคุยกับทีมงานของ PMT The Hour Glass ที่ประเทศไทย จึงได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องว่าเป็นงานของ The Hour Glass โดยตรง ไม่ได้จัดร่วมกับใคร และที่ตั้งชื่อว่า IAMWATCH นั้นก็เป็นการรวมกันระหว่างความหมายของวลีลาติน “Invenit et Fecit” ซึ่งพอจะแปลคร่าวๆ ได้ว่า “คิดค้นและผลิต” และประโยค “I am a man” ซึ่งมาจากยุคที่มีการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนในสหรัฐอเมริกา ดังนั้น IAMWATCH จึงเป็นการประกาศถึงตัวตนและความจริงแท้ในแง่ของการประดิษฐ์นาฬิกานั่นเอง
งานนี้จัดเป็นเวลา 4 วัน แต่ว่าเราสามารถเข้าร่วมได้เพียง 3 วันแรกเท่านั้นเนื่องจากมีภารกิจอื่นที่ต้องไปจัดการต่อไป สถานที่จัดงานคือโรงแรม The Singapore Edition ต้นถนนออร์ชาร์ดซึ่งเป็นโรงแรมเปิดใหม่และมีการตกแต่งภายในที่เน้นความเขียวขจีและธรรมชาติให้สมกับการที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่ขึ้นชื่อว่ามีต้นไม้มากมาย
The Hour Glass ใช้พื้นที่ชั้นล่างทั้งหมดของโรงแรมในการจัดงาน IAMWATCH นี้ พื้นที่หลักคือห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ที่มีโต๊ะให้แบรนด์นาฬิกาต่างๆ นำเสนอผลงานของตนให้ผู้สนใจได้นั่งชมอย่างเป็นกันเองโดยรอบ ใครเลยจะคิดว่าเมื่อเดินเข้าไปแล้วจะได้เจอกับช่างนาฬิกามีผลงานเป็นเอกลักษณ์ชัดเจนอย่างคุณคอนสแตนติน เชย์คิน จากรัสเซียหรือคุณสเตปาน ซาร์ปาเนวาจากฟินแลนด์นั่งรอรับแขกอยู่และเดินเข้าไปเชคแฮนด์หรือขอลายเซ็นได้เลย และเมื่อวนไปรอบๆ ห้องจึงได้พบกับแบรนด์ที่คุ้นเคยอื่นๆ อย่างเช่น Chopard, Ulysse Nardin, Urwerk หรือ Ressence และเมื่อเดินไปถึงด้านในสุดก็ยังมีห้องเล็กแยกต่างหากอีกห้องหนึ่งสำหรับนาฬิกาตั้งโต๊ะและนาฬิกาตั้งพื้นโดยเฉพาะซึ่งก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเช่นกัน
งานนี้ไม่มีการทำนัดหมายอะไรเป็นทางการว่าใครจะเจอกับแบรนด์อะไรเวลาใด ขอเพียงเก้าอี้ตรงหน้าว่างคุณก็นั่งได้เลยแล้วคนของแบรนด์ก็จะพูดคุยกับคุณอย่างเป็นกันเอง สมกับสโลแกนของงานที่ตั้งไว้ว่า “Where Makers and Enthusiasts Gather” โดยไม่ได้มีใครสนใจว่าคุณใส่นาฬิกาแพงหรือถูก (หรือจะใส่เรือนเดียวตามปกติวิสัยหรือใส่สองเรือนตามเดรสโค๊ดของงาน) เพราะเขารู้ว่าถ้าคุณตั้งลงทะเบียนมาถึงงานนี้ได้ คุณย่อมเป็นคนที่สนใจนาฬิกาจริงๆ อย่างแน่นอน และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ IAMWATCH เป็นงานที่ไม่เน้นการขายเลยแม้แต่น้อย เพราะจุดหมายที่แท้จริงของผู้จัดคือการสร้างวัฒนธรรมแห่งการรักและสะสมนาฬิกา โดยปล่อยให้เรื่องของยอดขายนั้นเป็นสิ่งที่ตามมาในอนาคตโดยธรรมชาติ
นอกจากที่ผู้มาเยือนจะได้ชื่นชมนาฬิกาจากแบรนด์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดแล้วก็ยังมีการบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์และการออกแบบนาฬิกา ตลอดจนงานเสวนาที่นำโดยบุคคลสำคัญผู้ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้อีกหลายท่านซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราตัดสินใจบินไปร่วมงานนี้ที่สิงคโปร์ เราได้ฟังการบรรยายเรื่องการออกแบบฟอนท์ตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาโดยศิลปินจากลอนดอน คุณลี ยวน-ราปาตี ประสบการณ์การสร้างและบริหารแบรนด์นาฬิกาโดยคุณแม็กซิมิเลียน บุสเซอร์และคุณฌอง-คล็อด บิเวอร์ วิวัฒนาการและการพลิกฟื้นของอุตสาหกรรมนาฬิกาโดยคุณอแลง ซิลเบอร์สไตน์ คุณแฟรงค์ วิลลา และ คุณราอุล พาเจส โดยมีคุณมานูเอล เอมช์เป็นผู้ดำเนินรายการ เป็นต้น
เมื่อได้มาเห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วก็อยากให้เขายกมาจัดที่เมืองไทยบ้าง เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมการสะสมนาฬิกาที่เกิดจากความชอบส่วนตัวจริงๆ ไม่ใช่สะสมตามกระแสตลาดหรือสังคมชี้นำ อย่างไรก็ดี ทาง The Hour Glass เองก็ยังไม่มีการประกาศเพิ่มเติมว่าจะจัดงาน IAMWATCH อีกเมื่อใด และจะกลายเป็นงานประจำปีเลยหรือไม่อย่างไร ซึ่งเราทุกคนก็ต้องคอยติดตามข่าวสารและคาดเดากันไปอีกสักหนึ่งปีก่อนที่จะมีความชัดเจนต่อไป
บทความที่เกี่ยวข้อง: The Sühring Chefs on German Fine Dining and Swiss Haute Horlogerie
We made the effort to join the inaugural version of the event, and we left feeling uplifted.
Words: Ruckdee Chotjinda Photo: The Hour Glass
The Hour Glass in Singapore recently hosted IAMWATCH, a gathering for watchmakers and enthusiasts, from 17 to 20 October. The event was styled in a relaxed, resort-themed atmosphere, with an intriguing twist: all attendees were encouraged to wear a watch on each wrist as a nod to their love for watches. And we are pleased to have made the efforts to join all participants on this occasion.
Admittedly, we were a bit puzzled when we first heard about the event. In Thailand, there is a watch publication by that name, with the same spelling. Adding to the confusion, The Hour Glass had organised a similar watch event named Tempus 20 years ago, so we assumed that they would have brought that name back, unless they were working with the said third party.
However, after speaking with the team at PMT The Hour Glass in Thailand, we received the clarification that IAMWATCH is solely an initiative by The Hour Glass, without any collaboration with the media. The name “IAMWATCH” is a fusion of concepts from the Latin phrase “Invenit et Fecit”, loosely translated as “Invented and Made”, and the slogan “I am a man,” associated with the human rights movement in the United States. In this sense, IAMWATCH expresses a declaration of identity and authenticity in the craft of watchmaking.
The four-day event was held at The Singapore Edition Hotel, located at the beginning of Orchard Road. This newly opened hotel features interiors focused on greenery and nature, in keeping with Singapore’s reputation as a city in a garden.
The Hour Glass utilised the hotel’s entire ground floor, with the main event space in a large banquet hall. Here, various watch brands showcased their creations around the room, inviting guests to sit and engage with the watchmakers in a warm, casual setting. It was an almost surreal experience to see celebrated watchmakers like Konstantin Chaykin from Russia and Stepan Sarpaneva from Finland waiting to greet attendees, happy to offer handshakes and signatures. Circling the room, we met with familiar people from Chopard, Ulysse Nardin, Urwerk and Ressence, to name a few. Towards the back, a smaller room was set aside for table and floor clocks, which drew considerable attention as well.
There were no set appointments for meeting specific brands. Instead, guests could simply sit down if the seat is free, and a representative from the brand would join for a friendly, informal chat, aligning perfectly with the event’s tagline: “Where Makers and Enthusiasts Gather”. Nobody paid attention to the value of the watch on anyone’s wrist, or whether a guest was wearing one watch or two watches. The exhibitors were certain that anyone who registered for this event was enthusiastic to know more about watches. Also, it is important to note that IAMWATCH was not about sales, but about fostering a culture of appreciation and collecting, allowing sales to follow naturally if and when they did.
In addition to the watch displays, the event featured talks on relevant topics such as watch history and design, along with panel discussions led by renowned industry figures: a major factor in our decision to attend. We had the pleasure of sitting in on a talk about watch dial typography by London-based artist Lee Yuen-Rapati, two sessions on building and managing a watch brand by Maximilian Büsser and Jean-Claude Biver, and a discussion on the resilience and reinvention in watch entrepreneurship by Alain Silberstein, Franc Vila and Raúl Pagès with Manuel Emch as the moderator.
This entire experience led us to one hope, that is for The Hour Glass to stage the same in Thailand, to nurture a watch collecting culture that is on the basis of genuine passion rather than market trends or social cues. However, The Hour Glass has not yet announced any future IAMWATCH events or indicated whether it will become an annual affair. For now, we will have to keep an eye out for updates, and hope for this inspiring event continue.
See also: The Sühring Chefs on German Fine Dining and Swiss Haute Horlogerie