Breguet ร่วมงานแสดงศิลปะระดับโลก Frieze เป็นครั้งที่สองและยังเป็นการจัดงาน Frieze ในทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกด้วย
บทความ: รักดี โชติจินดา
การตลาดเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกแบรนด์นาฬิกาในยุคนี้ เพราะว่าเรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่ผู้ซื้อนาฬิการุ่นหนึ่งค่อยๆ ลดบทบาทของตนเองลงและมีผู้ซื้อนาฬิการุ่นใหม่ก้าวเข้ามาแทนที่ แบรนด์ระดับตำนานอย่าง Breguet จะใช้ลูกค้าซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์มาเป็นเครื่องการันตีความพิเศษของตนก็ไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้นการที่ Breguet เลือกจับมือกับงานแสดงศิลปะ Frieze ในปีนี้จึงน่าจะเป็นอีกหนึ่งหนทางในการทำให้คนรุ่นใหม่ได้ทำความรู้จักกับแง่มุมที่น่าสนใจของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราคิดว่า Breguet เองนั้นก็ให้การสนับสนุนศิลปะในแขนงต่างๆ เรื่อยมา
Frieze ถือกำเนิดขึ้นที่ลอนดอนเมื่อปี ค.ศ. 2003 เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นหลัก Frieze ค่อยๆ เติบโตจนกลายเป็นงานศิลปะร่วมสมัยอันทรงอิทธิพลของโลกและมีการขยายงานไปจัดเป็น Frieze New York เมื่อปี ค.ศ. 2012 และในปีนี้เอง Breguet ก็ได้เข้าร่วมกับ Frieze เป็นครั้งแรกที่นิวยอร์คช่วงวันที่ 18-22 พฤษภาคม ตามด้วยการเข้าร่วมกับ Frieze Seoul ซึ่งเป็นการจัดงาน Frieze ในทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกด้วยระหว่างวันที่ 2-5 กันยายนที่ผ่านมา
World of Watches / Luxuo Thailand ได้รับเกียรติจาก Breguet ให้ไปชมความยิ่งใหญ่ของงานดังกล่าวภายในฮอลซีและดีของศูนย์ประชุมและนิทรรศการ COEX (ใกล้กับห้องสมุด Starfield ที่ใครๆ ก็ชอบไปถ่ายรูปลง Instagram กัน) งานนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวเมืองโซลเป็นอย่างมาก มากันทุกรุ่นทุกวัยแต่ก็แน่นอนว่าเราจะเห็นคนวัยหนุ่มสาวเยอะกว่าอยู่แล้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นคนวัยใดหากเดินทั่วทั้งงานก็จะได้เห็นบูธขนาดใหญ่ของ Breguet ซึ่งเป็นแบรนด์นาฬิกาที่ขายดีมากแบรนด์หนึ่งของประเทศเกาหลีใต้ เฉพาะที่โซลก็มีบูติค Breguet ถึง 5 แห่งแล้ว ที่ปูซานมีอีกแห่งหนึ่ง และข่าวแว่วมาว่าเดี๋ยวจะมีเปิดบูติคเพิ่มอีกแห่งที่เมืองอื่นด้วย
ในขณะที่บูธของแกลเลอรี่ต่างๆ นั้นมีฉากขาวกั้นเป็นกำแพงเพื่อให้สายตาเพ่งไปยังผลงานศิลปะที่แขวนเอาไว้แต่บูธของ Breguet นั้นกลับมีตัวกำแพงเป็นผลงานศิลปะเสียเลย ภาพวอลเปเปอร์ที่ใช้ตกแต่งเต็มพื้นที่ของกำแพงนั้นเป็นผลงานการออกแบบในสไตล์บาร็อคของศิลปินชาวอาร์เจนตินชื่อพาโบล บรอนชสไตน์ โดยในภาพจะมีเครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ ที่ใช้กันในยุคศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นยุคก่อตั้งแบรนด์ Breguet ประกอบกับภาพนาฬิกาพกของ Breguet เองด้วย ยิ่งเมื่อเข้าไปพิจารณาใกล้ๆ ก็จะยิ่งเห็นรายละเอียดออกมามากยิ่งขึ้น
และเพื่อเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างตัวแบรนด์กับโลกของศิลปะและงานฝีมือ Breguet จึงนำเอาเครื่องกิโยเช่ที่ใช้แกะสลักแผ่นหน้าปัดและช่างผู้ชำนาญการจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาทำการสาธิตให้ผู้เข้างาน Frieze Seoul ได้ชมอย่างใกล้ชิด และไม่เพียงเท่านั้น ช่างแกะสลักกิโยเช่ของ Breguet ยังคอยอธิบายขั้นตอนต่างๆ และเชื้อเชิญให้แขกที่สนใจมาลองนั่งแกะสลักด้วยตนเองอีกด้วย ถือเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากมากๆ เพราะว่าเครื่องจักรแบบดั้งเดิมนี้ไม่ได้มีใช้กันแพร่หลายอีกต่อไปแล้ว ถือเป็นหนึ่งมุมของงานที่มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่งตลอดเวลาตั้งแต่เช้าถึงเย็น
นาฬิกาแบบที่ผลิตเสร็จแล้วและนำมาจัดแสดงนั้นก็มีหลายรุ่น แต่ที่เราสนใจเป็นพิเศษก็คือ Classique Calendar 7337 หน้าปัดใหม่ที่ Breguet นำมาออกงานที่ Frieze Seoul เป็นแห่งแรกในโลก โดยนาฬิการุ่นนี้เพิ่งจะเปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้วในรูปแบบไวท์โกลด์และโรสโกลด์ ตัวเรือนยังคงมีขนาด 39 มม. เหมือนเดิมแต่ว่ารายละเอียดต่างๆ บนหน้าปัดได้รับการปรับเปลี่ยนให้ดูร่วมสมัยยิ่งขึ้น ที่แตกต่างอย่างชัดเจนที่สุดจากรุ่นเดิมก็คือหน้าต่างวันและวันที่ทางด้านซ้ายและขวาของหน้าปัดซึ่งมีความคมคายชัดเจนและมีขนาดใหญ่กว่าเดิมเพื่อความสะดวกในการอ่านค่า รุ่นตัวเรือนไวท์โกลด์นั้นมาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีมิดไนท์บลูและรุ่นโรสโกลด์มาพร้อมกับสายหนังจระเข้เหมือนกันแต่เป็นสีมิสตีเรียสบราวน์
พร้อมกันนี้ Breguet ยังมีนาฬิการุ่น Classique Dame 8068 เพื่อเอาใจคุณผู้หญิงโดยเฉพาะด้วยตัวเรือนไวท์โกลด์หรือโรสโกลด์ขนาด 30 มม. ดีไซน์โดยรวมมีความร่วมสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเหมือนกับ 7337 ใหม่ เราสามารถสังเกตเห็นได้จากตัวเลขก่อนรายละเอียดอื่นใดเพราะเดิมทีนั้น 8068 จะมีหลักชั่วโมงเป็นตัวเลขโรมันแต่ว่าในเวลานี้กลายเป็นตัวเลขอารบิกเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่าหน้าปัดเปลือกหอยมุกนั้นก็ยังคงมีการแกะสลักเป็นลวดลายด้วยเทคนิคกิโยเช่สุดละเอียดเหมือนเดิม คุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งของ Classique Dame 8068 ใหม่นี้คือการสับเปลี่ยนสายที่เจ้าของนาฬิกาสามารถทำเองได้โดยง่ายและรวดเร็วที่บ้านและไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยแต่อย่างใด โดย Breguet จะให้สายมาทั้งหมด 3 เส้นในกล่อง ได้แก่ สายผ้าซาตินสีดำ 1 เส้นและสายหนังจระเข้สีสันสดใสอีก 2 เส้น (สีทีลบลูและสีไบแซนเทียมเพอร์เพิลสำหรับรุ่นไวท์โกลด์ และสีพีค็อกบลูและสีราสเบอรี่พิงค์สำหรับรุ่นโรสโกลด์)
งานของ Frieze ที่ Breguet จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยงานหน้าคือ Frieze London วันที่ 12-16 ตุลาคม ค.ศ. 2022 และ Frieze Los Angeles วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 ส่วนงานครั้งต่อๆ ไปนั้นจะมีการประกาศวันที่ให้ทราบอีกครั้ง ความร่วมมือระหว่าง Breguet และ Frieze ภายใต้สัญญาฉบับปัจจุบันจะดำเนินต่อเนื่องถึงปี ค.ศ. 2024 แต่เราก็คาดว่าเขาคงจะต่อสัญญากันอีกเพราะต่างฝ่ายต่างก็สามารถนำผู้คนที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้มาพบกันได้อย่างลงตัว
บทความที่เกี่ยวข้อง: The Distinctive Personalities of Breguet Watches
The Swiss watchmaker’s dynamic partnership with the international art fairs will last until 2024.
Words: Ruckdee Chotjinda
For a brand that frequently refers to historical figures as their earliest clients, Breguet is doing well to acquaint a new generation of buyers with the brand through their sponsorship of Frieze art fairs. This partnership comes naturally, as the Swiss watchmaker has been a patron of arts over the years. It is most appropriate for them to identify a suitable partner, which they found in Frieze.
First established in 2003, Frieze in London features work created from 2000 onwards – it has since grown into a globally influential contemporary art fair. Frieze New York followed in 2012, and it was the 2022 edition of that US event, from 18 to 22 May, where Breguet made their debut. And this weekend, World of Watches / Luxuo Thailand attended the first edition of Frieze in Asia – Frieze Seoul – at the invitation of Breguet.
Frieze Seoul ran from 2 to 5 September at Halls C and D of the COEX Convention and Exhibition Center (next to the hot Instagram spot Starfield Library). It attracted immense interest from local people of all age groups, although the younger members of the public were more visible throughout the event. In any case, Breguet’s participation in Frieze Seoul serves to cement the brand’s strong position as a desirable watch company with a great heritage. They already perform very well in this market with as many as five boutiques in Seoul, one in Busan plus an upcoming one in another city.
Designed to impress, the Breguet booth easily stood out from the other galleries whose booths mostly used white partition walls to highlight the art pieces being shown. Breguet’s walls were art in and of themselves. The scenic wallpaper was imagined by Argentine artist Pablo Bronstein. It featured important machinery of the 18th century when the house of Breguet was born, together with Breguet pocket watches, in a dreamlike Baroque setting definitive of the era.
To further illustrate the brand’s link with the intricate world of arts and crafts, a guilloche machine and a guilloche engraver, flown in from Switzerland, performed demonstrations to the delight of all visitors. Breguet’s expert was not only patient but also conversational as he explained the steps through which guilloche patterns are created on the dial of a Breguet watch – a signature design code permanently linked with the brand. He was kind enough to let guests try their hand at operating the rare machine as well. The corner generated much interest throughout the days.
Frieze Seoul also showcased several wristwatch models from the current collection of Breguet. Most importantly, we enjoyed the opportunity to try the new look of the Classique Calendar 7337 watch. This novelty was announced only last month in two interpretations of white gold and rose gold. While the case size remains at 39 mm, the dial of this watch received subtle changes to give it even more contemporary flair. For example, the windows for the day of the week and the date on both sides of the dial have been given a more modern, resolute design. They have also been enlarged to improve readability. The Classique Calendar in white gold pairs nicely with a midnight blue alligator leather strap while the rose gold model matches a strap of the same material in mysterious brown.
On this same occasion, Breguet did well to capture the interest of female visitors as well. The new Classique Dame 8068 in 30 mm white gold or rose gold case follows in the path set by the 7337. The contemporary interpretation of a classical timepiece is realized, first of all, through the drop of Roman numerals in favour of Arabic ones on the mother-of-pearl dial with a fine guilloché pattern. An important feature of this new Classique Dame 8068 is the ability to switch between the straps. The package includes one black satin fabric strap and two colourful alligator leather straps that the owner can easily interchange in a matter of seconds, without the use of a tool. For the white gold model, the alligator leather straps come in teal blue and Byzantium purple. For the rose gold model, the colours chosen by Breguet include peacock blue and raspberry pink.
The Frieze fairs that Breguet will be joining in the foreseeable future are Frieze London, from 12 to 16 October 2022, and Frieze Los Angeles, from 16 to 19 February 2023. The dates for subsequent events will be published in due course. Under the current contract, the dynamic partnership between Breguet and Frieze will run until 2024. We expect the collaboration to be renewed though as there is a lot each party can bring to the table.
See also: The Distinctive Personalities of Breguet Watches