Audemars Piguet เปิดตัวนาฬิกาใหม่สำหรับครึ่งแรกของปีนี้พร้อมด้วยวัสดุสูตรใหม่ สีสันที่ดึงดูดและรายละเอียดที่น่าสนใจ
บทความ: รักดี โชติจินดา
ลองถามตัวเองกันสักครั้งครับว่าใจคุณนั้นเรียกร้องหาอะไรจากแบรนด์นาฬิกาต่างๆ และผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เหล่านั้น หากคุณชื่นชอบการเปลี่ยนแปลงที่รอบคอบและมีแบบแผน คุณจะรู้สึกได้ถึงความลงตัวที่อยู่ในนาฬิกาใหม่แต่ละรุ่นที่ Audemars Piguet จะทยอยเปิดตัวในช่วงปีนี้ เพราะเพียงแค่ชุดแรกที่เราได้เห็นภายในงาน AP Social Club ที่มิลานเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เราก็สัมผัสได้แล้วถึงความตั้งใจของทีมงาน AP ที่จะก้าวไปให้ไกลกว่ากรอบข้อจำกัดเดิมๆ และเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้
วัสดุเป็นหนึ่งใน 2 ธีมหลักที่ Audemars Piguet ชูเป็นสำคัญในปีนี้ เราขอเริ่มต้นด้วยแซนด์โกลด์ซึ่งเป็นอัลลอยทอง 18 กะรัตสูตรใหม่ที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในนาฬิการุ่น Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon Openworked 41 mm โดยแซนด์โกลด์จะมีสีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยตามมุมมองและประเภทของแสงที่ตกกระทบลงบนตัวเรือนและสายนาฬิกา บางครั้งก็จะดูออกชมพู บางครั้งก็จะดูออกเทา หรือกล่าวคืออยู่ในช่วงสีระหว่างพิงค์โกลด์และไวท์โกลด์ เท่าที่เราเห็นแซนด์โกลด์จะไม่ดูออกเป็นสีเหลืองไม่ว่าจะอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์หรือแสงไฟในอาคารก็ตาม
จุดเริ่มต้นของพัฒนาการนี้เกิดจากการที่ Audemars Piguet นำเอาไวท์โกลด์สูตรปกติมาปรับด้วยการเอาซิลเวอร์ออกแล้วใส่พัลลาเดียมกับคอปเปอร์เข้าไปแทน เราเชื่อว่าในความเป็นจริงแล้วก็จะต้องมีรายละเอียดอะไรในเชิงลึกกว่านี้ แต่นี่คือเวอร์ชั่นสั้นที่ทีมวิจัยและพัฒนาของ AP เล่าให้เราฟังภายในงานที่มิลาน และนี่ยังเป็นเพียงแค่วัสดุชนิดแรกเท่านั้นที่ AP เปิดตัวในปีนี้ อีกไม่นานก็จะมีนาฬิการุ่นใหม่ที่ใช้วัสดุที่เกิดจากกระบวนการผลิตพิเศษอีกชนิดหนึ่งตามออกมาซึ่งเมื่อคุณได้เห็นและได้ทำความรู้จักแล้วก็จะต้องรู้สึกทึ่งอย่างแน่นอน
สำหรับนาฬิกาใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี ค.ศ. 2024 ที่ใช้วัสดุดั้งเดิม ได้แก่ Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon 41 mm เวอร์ชั่นสเตนเลสสตีลที่จับคู่กับหน้าปัดลายซันเบิสท์สีเบอร์กันดีแบบไล่เฉด และเวอร์ชั่นพิงค์โกลด์ที่จับคู่กับหน้าปัดสีเทาล้อมกรอบสีไอวอรี่ หากคุณชอบเยลโลว์โกลด์ก็จะมี Royal Oak Selfwinding Chronograph 41 mm เวอร์ชั่นเยลโลว์โกลด์ที่จับคู่กับหน้าปัดลายกร็องตาปิสเซอรีสีเยลโลว์โกลด์แบบไล่เฉด และ Royal Oak Frosted Gold Selfwinding 37 mm ที่มีหน้าปัดเฉดสีเดียวกันแต่ว่าเป็นลายซันเบิสท์และเพิ่มเติมการตกแต่งพื้นผิวด้านบนของตัวเรือน ขอบตัวเรือนและหน้าปัดด้วยเทคนิคแฮมเมอริ่ง และ Audemars Piguet ยังมี Royal Oak Selfwinding 34 mm ใหม่อีก 2 เวอร์ชั่นสำหรับคุณผู้หญิงโดยเฉพาะ โดยหนึ่งในนั้นเป็นเวอร์ชั่นพิงค์โกลด์หน้าปัดลายกร็องตาปิสเซอรีสีชมพูที่ดูสดใสแบบสะดุดตาจริงๆ
Audemars Piguet ไม่ลืมแต่งแต้มเรือนเวลาหลายรุ่นด้วยเพชรและอัญมณีต่างๆ ด้วยเช่นกัน อาทิ Royal Oak Selfwinding 37 mm รุ่นพิงค์โกลด์ที่มีหน้าปัดลายกร็องตาปิสเซอรีสีฟ้าอ่อน สวมใส่ด้วยสายหนังจระเข้ผิวมุกสีเดียวกัน นาฬิการุ่นนี้มีการประดับแซฟไฟร์ทรงบริลเลียนท์คัทไล่โทนสีฟ้าและน้ำเงินจำนวน 40 เม็ดบนขอบตัวเรือน แล้วยังมีเพชรทรงบริลเลียนท์คัทจำนวนอีก 82 และ 40 เม็ดบนตัวเรือนและขาตัวเรือนตามลำดับ สำหรับรุ่นไวท์โกลด์ที่ออกมาพร้อมกันนั้นจะเปลี่ยนจากแซฟไฟร์บนขอบตัวเรือนเป็นเพชรเหมือนกับบนตัวเรือนและขาตัวเรือนทั้งหมด หน้าปัดและสายหนังจระเข้ผิวมุกเป็นสีเขียวอ่อน และรุ่นสุดท้ายที่มีขนาด 37 มม. เหมือนกันก็คือ Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon Extra-Thin RD#3 ในเวอร์ชั่นไวท์โกลด์ใหม่ที่จับคู่กับหน้าปัดเปอติทตาปิสเซอรีสีน้ำเงินเข้มไล่เฉดสีดำ บนหน้าปัดมีหลักชั่วโมงที่เป็นเพชรทรงบาแก็ตคัท และประดับเพชรทรงบาแก็ตคัทเพิ่มเติมอีกบนขอบตัวเรือน
นาฬิกาใหม่รุ่นสุดท้ายที่เราเลือกมานำเสนอในบทความนี้คือผลงานที่ Audemars Piguet ออกแบบร่วมกับลูกค้ารายหนึ่ง ใช่แล้วครับ คุณอ่านไม่ผิดจริงๆ เพราะโดยปกติแล้ว AP ก็รับฟังความคิดเห็นและความชอบของลูกค้าเพื่อนำไปพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์อยู่แล้ว ซึ่งในกรณีนี้จะเป็นลูกค้าที่มาเลือกซื้อนาฬิกา AP บ่อยครั้งจนมีโอกาสได้สนทนากันไม่ว่าจะเป็นที่บูติคหรือตามอีเวนท์ต่างๆ และก็จะมีลูกค้าที่เป็นเซเลบริตี้ระดับโลกซึ่งไม่ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่จ้างมา แต่ว่าเป็นลูกค้าที่ซื้อนาฬิกาจริงๆ แล้วก็ยังเป็นหน้าเป็นตาให้กับแบรนด์ได้ในตัวอีกด้วย
และนี่ก็เป็นที่มาของนาฬิกา Royal Oak Perpetual Calendar ตัวเรือนไวท์โกลด์ขนาด 41 มม. ซึ่ง Audemars Piguet ออกแบบร่วมกับนักร้องและนักแต่งเพลงชาวอเมริกัน จอห์น เมเยอร์ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่หน้าปัดคริสตอลสกายที่มีความระยิบระยับคล้ายหน้าปัดอเวนจูรีนหรือหน้าปัดแกะสลักแต่ว่ามีมิติสูงต่ำที่ชัดเจนยิ่งกว่ามาก
จอห์น เมเยอร์มาร่วมงาน AP Social Club ที่มิลานในครั้งนี้ด้วยและบอกเล่าให้สื่อจากทั่วโลกฟังว่าทำไมตนจึงเลือกออกแบบรายละเอียดในจุดต่างๆ บนหน้าปัดอย่างที่เป็น จอห์นมองว่า Royal Oak Perpetual Calendar (รุ่นปกติ ไม่ใช่รุ่นที่เขาออกแบบ) เป็นนาฬิกาที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากได้รู้จักกับฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวลคาเลนดาร์ และเป็นผู้คนที่เดิมอาจจะไม่ได้มาสนใจหรือรู้จักกับคอมพลิเคชั่นนี้หากไม่ได้รู้จักกับนาฬิการุ่นนี้ แต่สำหรับตัวเขาแล้วเขาก็รู้สึกด้วยว่าตัวเลขวันที่ 31 ที่มักจะทำเป็นสีแดงเพื่อความชัดเจนนั้นมันทิ่มตาเกินไป เขาจึงคิดวิธีลดขนาดตัวเลข 3 และ 1 สีขาวให้เล็กลงจนสามารถเรียงซ้อนกันแบบเหลื่อมๆ ได้ ทำให้เรามองออกว่าจุดที่เข็มวันที่กำลังชี้อยู่นั้นคือวันที่ 31 ไม่ใช่วันที่ 1 จนเกิดความสับสนแต่อย่างใด และอีกหนึ่งรายละเอียดสำคัญที่เป็นไอเดียของจอห์นก็คือการทำเข็มสัปดาห์ให้เป็นสีฟ้าในเฉดเดียวกันกับหน้าปัด เข็มดังกล่าวจะได้ไม่ดูลอยเด่นจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมองเห็นได้ชัดเจนเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการรู้ว่าขณะนี้เป็นสัปดาห์ที่เท่าไรแล้วของปี
Royal Oak Perpetual Calendar รุ่นพิเศษที่ออกแบบร่วมกับจอห์น เมเยอร์นี้จะผลิตเป็นจำนวนจำกัด 200 เรือน และถือเป็นการส่งท้ายให้กับเครื่องรุ่นคาลิเบอร์ 5134 ซึ่งมีเบสเป็นคาลิเบอร์ 2120 ที่เป็นโปรเจคร่วมระหว่าง Audemars Piguet และแบรนด์ระดับยักษ์ของวงการอีก 2 แบรนด์เมื่อปี ค.ศ. 1967 และนี่ยังเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของนาฬิกาใหม่จาก AP ในครึ่งแรกของปีนี้ แล้วรอติดตามชมรุ่นอื่นๆ ที่เราจะได้นำเสนอต่อไปเมื่อมีโอกาสนะครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง: 24 Days Around the World with Four Seasons Private Jet Experience
The historical watch maison once again proves their capability to reinvent and to seek beyond.
Words: Ruckdee Chotjinda
What do you look for in a watch brand and its offerings? If controlled and calculated reinvention is one of them, you will be pleased to see the range of novelties Audemars Piguet is presenting in phases throughout this year. The ones revealed to us a few days ago at the AP Social Club event in Milan promise unexpected enhancements that reflects the desire of AP people to push the limit, and to keep looking beyond what is possible.
Materials is one of the two key themes of Audemars Piguet for 2024. We will begin with a new gold alloy called sand gold, used for the first time in the Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon Openworked 41 mm watch. Sand gold is a new formula of 18K gold developed by AP to achieve an unusual appearance with slightly variable shades. Depending on the angle you look at the watch and the bracelet, as well as the color of ambient light, a sand gold watch can look more pinkish or more grayish – somewhere in between pink gold and white gold, that is. From our brief encounter with it, it could not look yellowish under either natural or artificial light.
In fact, starting alloy was conventional white gold, and then Audemars Piguet tweaked the recipe by removing the silver element and adding palladium and copper to the mix. There must have been other little details involved but this is the abbreviated version shared to us during the presentation in Milan. And this is only the first new material to be launched by Audemars Piguet this year. The next one will be even more scientifically advanced, as you will see when it is publicly unveiled.
For now, we have been presented with new 2024 versions of several watches. The Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon 41 mm is now executed in stainless steel with a smoked burgundy sunburst dial and in pink gold with a grey center dial with an ivory rim. If you crave yellow hues, there are for now two options for larger and smaller wrists: the Royal Oak Selfwinding Chronograph 41 mm in yellow gold with a smoked yellow gold-toned grande tapisserie dial; and, the Royal Oak Frosted Gold Selfwinding 37 mm with the same shades on the dial but with the sunburst motif and the added allure of hammering effect on the top surfaces of the case, bezel and bracelet. For daintier wrists, two new versions of the Royal Oak Selfwinding 34 mm have been introduced – one in pink gold with a grande tapisserie dial in the lively shade of fresh pink.
Diamonds and gemstones are not missing from this first batch of releases. Two new versions of embellished Royal Oak Selfwinding 37 mm were presented. The pink gold one has a light blue grande tapisserie dial and a pearly light blue alligator strap. Its bezel is adorned with 40 brilliant-cut blue sapphires in a graduation of shades, and its case and studs are set with 82 and 40 brilliant-cut diamonds, respectively. The white gold version features the same number of stones but all in diamonds, and with the dial and pearly alligator strap in light green tone. Also in 37 mm size, the Royal Oak Selfwinding Flying Tourbillon Extra-Thin RD#3 is presented in a new white gold version with a deep smoked blue petite tapisserie dial, baguette-cut diamond hour markers and 32 more baguette-cut diamonds on the bezel.
Lastly, we present a novelty designed in collaboration with a customer. Yes, you read that right. Audemars Piguet actively listens to what end clients wish to see in the watches. We are talking about layman collectors who come in contact with AP through events, visits and other private engagements first of all. And then there are also real-life celebrity customers who are not paid ambassadors but whose enthusiasm contributes to the promotion of the brand all the same.
Enters the Royal Oak Perpetual Calendar in collaboration with American singer/songwriter and Audemars Piguet customer John Mayer. The 41 mm delight in white gold is distinguished by its Crystal Sky dial whose embossed motif glitters under light in a much more dimensional way than an aventurine or an engraved dial.
John Mayer was on stage in Milan to share his thoughts and reasonings for the subtle design cues personally. He sees the Royal Oak Perpetual Calendar watch (in general, not his version) as a piece that brings so many people to the complication — people who would not have discovered the perpetual calendar through another route. But to him, the red 31 for the date is a little too jarring so he came up with a way to put a white but smaller 3 and 1 in a slightly staggered way to mark the final date of the month without the need to use a differing color at that position. Another important touch is how he chose to fashion the 52-week hand in the same shade of blue as the dial so that it will not be in your face all the time, but still discernible when you have a need to know the number of the week.
The Royal Oak Perpetual Calendar watch in collaboration with John Mayer is a limited edition of 200 pieces. It is the final chapter of Caliber 5134 that was based on the long-running Caliber 2120 which was first created for shared use among Audemars Piguet and two other highly respectable watchmakers in 1967. And this concludes our initial coverage of Audemars Piguet novelties for the first semester of 2024. We hope you like what you see so far. Be prepared to be thrilled by the next batch of exciting products later this year!
See also: 24 Days Around the World with Four Seasons Private Jet Experience
