A. Lange & Söhne ขนนาฬิการุ่นหายากชุดใหญ่มาจัดแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในงาน Exceptional Masterpieces
บทความ: รักดี โชติจินดา
เมื่อครั้งที่เราสัมภาษณ์คุณวิลเฮล์ม ชมิด ซีอีโอของ A. Lange & Söhne ขณะเดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายนนั้น เราได้คำตอบว่าสาเหตุที่ทางแบรนด์ต้องการนำบูติคที่กรุงเทพกลับมาบริหารเอง (จากเดิมที่บริหารโดยรีเทลเลอร์) ก็เพราะว่าต้องการจะสร้างความสัมพันธ์โดยตรงกับลูกค้าให้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม และเมื่อได้รู้จักตัวตนของลูกค้าแต่ละท่านแล้วก็จะช่วยให้ทางแบรนด์ให้บริการคนที่ซื้อนาฬิกาเพราะรักนาฬิกาจริงๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้น ไม่ให้เขาเหล่านั้นต้องเสียโอกาสเพราะถูกคนที่ซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุนมาตัดหน้าไป
แล้วไม่นานหลังจากนั้นเราก็ได้เห็นกิจกรรมแรกที่ A. Lange & Söhne จัดเพื่อสร้างโอกาสให้ได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในประเทศไทย นั่นก็คืออีเวนท์ที่มีชื่อว่า Exceptional Masterpieces ซึ่งจัดเมื่อวันที่ 2-4 พฤศจิกายนที่ผ่านมาที่ห้อง Atelier III โรงแรม Capella Bangkok
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่พื้นที่งาน แขกที่ได้รับเชิญทุกท่านก็เหมือนเข้าสู่พิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่รวมนาฬิการุ่นพิเศษที่หาชมได้ยากมาจัดแสดงเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ นาฬิกาทุกรุ่นที่มีตัวเรือนผลิตจากวัสดุฮันนี่โกลด์ซึ่งเป็นทองสูตรพิเศษลิขสิทธิ์เฉพาะของ A. Lange & Söhne ที่มีเฉดสีเฉพาะตัวและมีความแข็งแกร่งกว่าทองทั่วไปหลายเท่า นาฬิกาในกลุ่ม Lumen ทุกรุ่นที่มีหน้าปัดแซฟไฟร์คริสตอลรมดำเพื่อให้แสดงลอดลงไปชาร์จสารเรืองแสงบนตัวเลขหรือรายละเอียดอื่นที่อยู่ข้างใต้แล้วรอเวลาออกมาเรืองแสงตรงช่องหน้าต่าง และสุดท้ายคือนาฬิกาทุกรุ่นในกลุ่ม Handwerkskunst ที่มีการแกะสลักหน้าปัดด้วยเทคนิคพิเศษซึ่งทำให้แต่ละเรือนกลายเป็นดั่งผลงานศิลป์บนข้อมือ
งานดังกล่าวนี้จัดเป็นหลายรอบด้วยกันในแต่ละวันเพื่อให้แขกทุกท่านและผู้ติดตามสามารถพูดคุยและสอบถามเรื่องนาฬิการุ่นต่างๆ ที่นำมาจัดแสดงกับเจ้าหน้าที่ของ A. Lange & Söhne ได้อย่างเต็มที่ และยังมีช่างแกะสลักหนึ่งในเพียงห้าท่านของโรงงานที่บินมาอธิบายและสาธิตขั้นตอนการทำงานของตนให้แขกผู้เข้าชมงานแต่ละท่านเห็นชัดๆ ด้วยตาตนเองและผ่านกล้องจุลทรรศน์ดิจิตอลที่ส่งภาพขึ้นหน้าจอขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลัง
ไฮไลท์สุดท้ายที่แขกแต่ละท่านคาดหวังว่าจะได้สัมผัสก็คือนาฬิกา Zeitwerk เจเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่ง A. Lange & Söhne ซุ่มเงียบพัฒนาและเพิ่งจะเปิดตัวก่อนหน้างานนี้เพียงแค่หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น โดยยังคงคอนเซปท์การบอกเวลาด้วยระบบตัวเลข ทางซ้ายเป็นเลขชั่วโมง ทางขวาเป็นเลขนาทีแบบแยกหลักสิบและหลักหน่วย ทำงานด้วยเครื่องไขลานรุ่น L043.6 ใหม่ที่มีกำลังลานสำรองนานขึ้น 2 เท่าเป็น 72 ชั่วโมง และอีกสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือปุ่มกดบริเวณ 4 นาฬิกาที่ใช้เพื่อกดตั้งตัวเลขชั่วโมง ซึ่งฟังก์ชั่นนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากเวลาเจ้าของนาฬิกาเดินทางและต้องตั้งนาฬิกาให้ตรงกับเวลาในท้องถิ่น ตัวเรือนยังคงมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 41.9 มม. เหมือนเดิมแต่ว่าบางลงเล็กน้อยเหลือ 12.2 มม. มีวัสดุให้เลือกสองชนิดด้วยกัน ได้แก่ ตัวเรือนแพลทตินัมกับหน้าปัดสีเงิน และ ตัวเรือนพิงค์โกลด์กับหน้าปัดสีดำ
World of Watches / Luxuo Thailand ขอแสดงความยินดีอีกครั้งหนึ่งกับทีมงานของ A. Lange & Söhne ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรากับความสำเร็จในการจัดงานในครั้งนี้ และเราก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นส่วนเล็กๆ ในการอำนวยความสะดวกให้คนรักนาฬิกาชาวไทยได้มาทำความรู้จักกับแบรนด์ระดับไฮเอ็นด์จากเยอรมนีแบรนด์นี้กันให้มากขึ้น
บทความที่เกี่ยวข้อง: Refined German Excellence at Watches and Wonders Geneva 2022
The first full-scale exhibition of the manufactory in Thailand is met with great interest.
Words: Ruckdee Chotjinda
World of Watches Thailand had the pleasure of interviewing A. Lange & Söhne CEO Wilhelm Schmid back in June. On that occasion, the brand has just reclaimed the operation of the Bangkok boutique from the retailer. It was made clear that they intend to build a closer and more direct relationship with their true customers: people who are really passionate about the brand and high-end watchmaking in general.
The first major activity they have rolled out towards that end is a 3-day event called Exceptional Masterpieces from 2 to 4 November. The different rooms that make up Atelier III of Capella Bangkok were cleverly used to immerse customers and potential customers into the small universe of A. Lange & Söhne.
Anyone with moderate familiarity with the brand’s innovations and offerings would have been enthralled to see the full showcase of all watch models produced in Honeygold – the manufactory’s proprietary gold alloy that offers extraordinary hardness, as well as a sweet unique hue. And as if that was not special enough, the next walls displayed all of the Lumen watches with a smoked sapphire crystal dial and unusual luminous components; and all of the Handwerkskunst watches known for an elevated level of artisanal finishing techniques.
Several sessions were held across the three days to ensure invited enthusiasts and their friend or companion had proper opportunity to interact with representatives of A. Lange & Söhne who were on hand to provide more details on the curated creations. An engraver was also flown in from the manufactory to demonstrate his craft to the delight of all visitors.
The Exceptional Masterpieces experience was made complete for all guests with the viewing of the latest novelty: the second generation of Zeitwerk. Launched just one week prior to the event, the improved model retains the digital display of time with one hour disc visible through the left window and two minute discs, for the digits and the decimals, on the right side of the time bridge. Its hand-winding Caliber L043.6 is built to offer double the power reserve, from 36 to 72 hours. A pusher can now be found at the four o’clock position to advance the hour by one-hour increments. The function should be most useful when the watch owner travels to another country. The Zeitwerk maintains the same diameter of 41.9 mm as before, but it is slightly slimmer at 12.2 mm, thanks to the redesign of the bezel. It is available in platinum with a silver dial, and in pink gold with a black dial.
We send a big congratulations to the tight-knitted team that made this event possible, and we are truly glad to play a small part in helping the brand reach out to an increasingly wider audience in this market.
See also: Refined German Excellence at Watches and Wonders Geneva 2022
