Mikimoto Celebrates 130 Years of Pearl Perfection

Share this article

Mikimoto ถ่ายทอดความงดงามของอัญมณีล้ำค่าจากท้องทะเลผ่านแคมเปญ “A Love Letter To The Sea” ในโอกาสครบรอบ 130 ปีของแบรนด์
บทความ:
ลภีพันธ์ โชติจินดา

[ English ]

ไข่มุกเป็นอัญมณีแห่งท้องทะเลที่มีการใช้อย่างแพร่หลายตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เห็นได้จากหลักฐานการขุดพบและภาพวาดต่างๆ ของเหล่ากษัตริย์ ราชวงศ์ เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงในอดีตที่มักสวมใส่ไข่มุกเป็นเครื่องประดับหรือมีไข่มุกเป็นส่วนประกอบในเครื่องประดับปรากฏอยู่ในหลากหลายประเทศ ซึ่งในอดีตนั้นบางประเทศยังจำกัดให้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับสำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของไข่มุกในแง่ของสัญลักษณ์อันเป็นมงคลโดยอาจจะมีความหมายแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญา ความบริสุทธิ์ ความจริงใจ ความงาม ความเป็นหญิงสาว การเริ่มต้นใหม่ และ ความหวัง

Mikimoto 130th Anniversary
(ภาพ: Shutterstock)

และด้วยความที่เป็นอัญมณีอินทรีย์ซึ่งเกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือหอยมุกใต้ท้องทะเลที่เติบโตตามธรรมชาติ คุณสมบัติของไข่มุกที่ได้มาตรฐาน เช่น ขนาด สีและความแวววาวที่สม่ำเสมอของไข่มุกแต่ละเม็ดที่จะนำมาประกอบเป็นเครื่องประดับแต่ละชิ้นงานนั้นหายากมาก ซึ่งก็ส่งผลให้ราคาของเครื่องประดับนั้นๆ สูงตามด้วยเช่นกัน เพราะข้อจำกัดหลายๆ ด้านของอัญมณีอินทรีย์นี้ มนุษย์จึงพยายามศึกษาและทำการทดลองที่จะเอาชนะธรรมชาติเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ จึงเป็นที่มาของการเพาะเลี้ยงไข่มุกที่เลียนแบบปรากฏการณ์ทางธรรมชาติขึ้นในเวลาต่อมา

Mikimoto 130th Anniversary
คุณโคคิชิ มิกิโมโต้ (ภาพ: Mikimoto)

โคคิชิ มิกิโมโต้ บิดาแห่งไข่มุก หรือจะเรียกว่า ราชันย์แห่งไข่มุก ก็คงไม่ผิดเพราะชายชาวญี่ปุ่นผู้นี้คือผู้ที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงไข่มุกเป็นคนแรกของโลกในปี ค.ศ. 1893 และเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์เครื่องประดับหรู Mikimoto ด้วยความฝันที่ว่าต้องการเห็นไข่มุกเป็นเครื่องประดับที่สุภาพสตรีทั่วโลกสวมใส่นั่นเอง โดยโคคิชิอุทิศตนและให้ความสำคัญกับการเพาะเลี้ยงไข่มุกจากหอยมุกสายพันธุ์อะโกยาที่มีชื่อเสียงเรื่องความแวววาวและความสวยงามของไข่มุก ซึ่งแน่นอนว่าต้องอาศัยสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเลที่มีความอุดมสมบูรณ์จึงจะสามารถทำให้หอยมุกผลิตไข่มุกที่มีขนาดกลมเกลี้ยงและสม่ำเสมอ มีคุณภาพและสวยงามได้

Mikimoto 130th Anniversary
Mikimoto Pearl Island (ภาพ: Shutterstock)
Mikimoto 130th Anniversary
Mikimoto Pearl Island (ภาพ: Shutterstock)

เกาะมิกิโมโตะเพิร์ลที่เมืองโทบะ จังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น คือ แหล่งกำเนิดอัญมณีที่แบรนด์ทำการเพาะเลี้ยง วิจัยเกี่ยวกับหอยมุกมาอย่างต่อเนื่อง ในปี ค.ศ. 2009 Mikimoto นำระบบการเพาะเลี้ยงหอยมุกแบบไร้มลพิษหรือ zero-emission มาใช้เพื่อปกป้องสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติพร้อมกับการเลี้ยงหอยมุกด้วยวิธีการที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยร่วมกับพันธมิตรทั้งภายในและภายนอกในการรวบรวมและรีไซเคิลของเสียทั้งหมดที่เกิดจากกระบวนการมาใช้ เช่น ส่วนเปลือกจะถูกนำมาใช้เพื่อการประดับ ตกแต่ง และบำรุงคุณภาพดิน ส่วนเศษเนื้อและสิ่งมีชีวิตที่เกาะติด (sessile organism) บนหอยมุกก็จะถูกนำมาผลิตปุ๋ย กล้ามเนื้อส่วนที่ทำหน้าที่ปิดเปลือก (adductor muscles) นำมาบริโภคเป็นอาหาร ส่วนคอลลาเจนและโปรตีนคอนไคโอลิน (conchiolin) หรือที่เรียกว่าโปรตีนหอยมุกซึ่งสกัดจากของเสียอินทรีย์จะนำไปใช้ในเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น รวมถึงการริเริ่มใช้สายร้อยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล 100% ที่ผลิตจากเส้นใยขวดพลาสติกแบบอัพไซเคิลแทนเส้นไหมกับเครื่องประดับไข่มุกเป็นส่วนใหญ่นับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเครื่องประดับประเภทสร้อยคอ

บูติค Mikimoto ที่กินซ่า เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในอดีต (ภาพ: Mikikoto)

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 130 ปีของ Mikimoto ในปีนี้และเพื่อตอกย้ำถึงเส้นทางความสำเร็จในการสร้างสรรค์เครื่องประดับล้ำค่าและสง่างามของแบรนด์ Mikimoto เปิดตัวแคมเปญฉลองครบรอบพาร์ทแรกด้วย “จดหมายรักถึงท้องทะเล” บนเว็บไซท์เพื่อเป็นการสรรเสริญความรักที่แบรนด์มีต่อท้องทะเล สื่อถึงความรู้สึกขอบคุณและความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อผืนน้ำและธรรมชาติอันเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ โดยประกอบไปด้วยภาพยนตร์ชุด จำนวน 6 ตอน ซึ่งแต่ละตอนจะบอกเล่าเรื่องราวประวัติการอยู่ร่วมกันของแบรนด์และท้องทะเล สะท้อนสัจธรรมที่ว่ามนุษย์คือส่วนหนึ่งของธรรมชาติและธรรมชาติคือส่วนหนึ่งของมนุษย์เช่นกัน

Mikimoto 130th Anniversary
แคมเปญ “จดหมายรักถึงท้องทะเล” (ภาพ: Mikimoto)

บทความที่เกี่ยวข้อง: Gucci’s First Luggage Boutique Debuts in Paris


The Japanese brand celebrates its 130th anniversary this year with a beautiful campaign.

Words: Lapheepun Chotjinda

Known as the gem of the sea, pearl has been in widespread use since before the times of Christ, as evidenced by archaeological findings and old paintings of royalty, nobility and gentry of various nationalities wearing pearl jewelry. In the past, some countries had rules restricting the use of pearl jewelry to the upper echelons of society, a testament of pearls’ importance. Pearls are also widely regarded as an auspicious symbol, but different cultures assign different meanings to them, from wisdom to purity to sincerity, beauty, maidenhood, new beginnings, and hope.

Pearl is an organic gem born from a living creature, a marine oyster growing in its natural habitat. Pearls whose size, color and degree of luster meet the standards of jewelry making are extremely rare, which is why pearl jewelry commands high prices. The various restrictions found in natural pearls led people to conduct studies and experiments in hopes of conquering nature and harnessing it to meet market demand. These efforts eventually gave rise to a method of pearl cultivation that mimics the natural pearl formation process.

Luxury product featured by Luxuo Thailand -- The Luxury Lifestyle Curator
Kokichi Mikimoto

Kokichi Mikimoto, the founding father of the cultured pearl industry, was fully deserving of the soubriquet “The King of Pearls”. In 1893 he became the first person to successfully cultivate pearls. He then went on to establish the Mikimoto brand, fulfilling his dream of making pearls the jewelry of choice of ladies all over the world. Mr. Mikimoto dedicated himself to the cultivation of Akoya pearl oyster, a species known for producing pearls of remarkable beauty and luster. But the production of beautiful, spherical, smooth and regular pearls can only be done in a place with a thriving, resource-abundant marine ecosystem.

Luxury product featured by Luxuo Thailand -- The Luxury Lifestyle Curator

Mikimoto Pearl Island, just off the shore of Toba in Japan’s Mie Prefecture, is the source of the pearls used in Mikimoto jewelry. These pearls are the result of continuous research into the cultivation of pearl oysters. In 2009, Mikimoto introduced zero-emission pearl farming to help safeguard the natural environment and improve the ecological sustainability of pearl production. Alongside its partners, Mikimoto collects, reuses and recycles wastes from the pearl production process. Oyster shells are used to make ornaments or improve soil quality. The residue of oyster meat and sessile organisms are used for composting, while oyster adductor muscles are used as food. Extracts from organic waste such as collagen and conchiolin, also known as pearl protein, provide an ingredient for cosmetics and food supplements. And in 2023, the company switched from using silk threads for their pearl necklace strands to 100% recycled polyester fiber upcycled from used PET bottles.

Luxury product featured by Luxuo Thailand -- The Luxury Lifestyle Curator

To mark 130 years of success as a maker of precious jewelry, Mikimoto has inaugurated a celebration campaign with the launch of “Love Letter to the Sea,” a six-part film series released on the brand’s official website. This love message reveals the deep gratitude and respect that Mikimoto has for the sea and nature, each episode showing how the brand has coexisted with the sea. To watch the series is to be reminded once again that we humans are part of nature, and nature is part of us.

See also: Gucci’s First Luggage Boutique Debuts in Paris

Get Exclusive Connections with LUXUO Thailand
Join us today
Connect!
Close
Join us for exclusive access to Luxuo Thailand's contents and events
Subscribe
close-image