เทรนด์บ้านสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ที่มาแรงเพราะความสะดวกและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บทความ: โจนาธาน โฮ
ที่พักสุดหรูอย่างบ้านพ็อดและบ้านหรูที่สร้างด้วยระบบโมดูลาร์ไม่ใช่แนวคิดใหม่ แต่ขณะนี้เป็นเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยมีปัจจัยผลักดัน ได้แก่ สภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ช่วงปี ค.ศ. 2007-2009 อันมีสาเหตุมาจากการพังทลายของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา บวกกับความนิยมในการท่องเที่ยวเชิงผจญภัยที่เพิ่มมากขึ้นรวมถึงแกลมปิ้งหรือแคมปิ้งแบบหรูหรา
นี่ไม่ใช่บ้านเคลื่อนที่หรือรถบ้านเก่าๆ อย่างที่ใครอาจจะคิด แต่เป็นที่พักระดับหรูดูดีจริงๆ ที่พักแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่เจ้าของโรงแรมและเจ้าของกิจการที่ปรารถนาอยากจะมีรีสอร์ทงามที่ตั้งอยู่บนยอดเขาที่เข้าถึงยาก หรือตั้งอยู่กลางทะเลทรายที่มองเห็นดวงดาวยามค่ำคืน บ้านสำเร็จรูปหรือบ้านถอดประกอบเป็นแบบบ้านหลักของการสร้างบ้านแบบโมดูลาร์ซึ่งใช้ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์หลายแห่งในปัจจุบัน สำหรับบ้านพ็อดที่หรูหราเหล่านี้ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งของตลาดการก่อสร้างแบบโมดูลาร์ที่บริษัท McKinsey & Company คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าราว 157,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี ค.ศ. 2023
การสร้างบ้านแบบโมดูลาร์นั้นมีข้อเสียค่อนข้างน้อย ข้อเสียหลักคือความยุ่งยากจากการขนส่งโมดูลทางเรือหรือทางรถเป็นระยะทางไกลแล้วยกลงมาติดตั้ง แต่ความสวยงามและความละเอียดของงานตกแต่งบ้านสำเร็จรูปเหล่านี้มีแต่จะพัฒนายิ่งขึ้น นี่จึงเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตได้สำหรับดีไซเนอร์ผู้มีความคิดสร้างสรรค์
Xpod เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการบ้านสำเร็จรูปแบบแยกส่วนประกอบรายใหม่ล่าสุด บ้าน Xpod ซึ่งผลิตที่ออสเตรเลียเป็นบ้านแบบโมดูลาร์ที่หรูหราและล้ำสมัย ออกแบบมาเพื่อเป็นที่พักระดับไฮเอ็นด์ที่เหมาะกับพื้นที่ที่หลากหลายและการใช้งานในรูปแบบต่างๆ กัน โครงสร้างแบบสำเร็จรูปที่โอ่โถงนี้ดูเฉียบคมในสไตล์มินิมอลจึงดูดีไม่แพ้โรงแรมหรูหรือบ้านพักแบบ Airbnb บางแห่งเลย
บ้านพ็อดระดับหรูเหล่านี้มีประโยชน์ตรงที่ทำให้เจ้าของกิจการผู้มีวิสัยทัศน์สามารถตั้งรีสอร์ทในธรรมชาติที่สวยงามอย่างไร่องุ่นได้โดยไม่ต้องขึ้นโครงสร้างถาวร เทคโนโลยีและวัสดุที่ส่งเสริมความยั่งยืนที่ใช้ทำให้บ้าน Xpod ช่วยเติมเต็มพื้นที่ที่บ้านเข้าไปตั้งอยู่นั้นมากกว่าที่จะไปรบกวนภูมิศาสตร์โดยธรรมชาติของพื้นที่ บ้านสำเร็จรูปของ Xpod สร้างบนโครงสร้างเหล็กที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ มีระดับการกันไฟตามมาตรฐาน BAL 29 เป็นขั้นต่ำ และทนทานต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
ด้าน Blu Homes ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2007 เป็นผู้บุกเบิกบ้านสำเร็จรูปรายแรกๆ บริษัทเปิดตัวในช่วงที่เริ่มเกิดวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกาพอดี ซึ่งในช่วงเวลานั้นเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้างที่มีทักษะเพราะบริษัทอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ล้มละลาย จึงเป็นแรงส่งให้ Blu Homes โด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผู้ผลิตบ้านสำเร็จรูประดับพรีเมียมจากอเมริกาเหนือรายนี้มีฐานการออกแบบและผลิตที่แคลิฟอร์เนีย โซลูชั่นของ Blu Homes เป็นแบบครบวงจรด้วยกระบวนการ “สติทช์แอนด์ซีม” เพื่อให้บ้านสมบูรณ์พร้อมใช้งานจริงหลังจากที่ติดตั้งบนรากฐานเรียบร้อย แบบบ้านโมดูลาร์ที่โดดเด่นที่สุดของ Blu Homes คือ Breezehouse 2100 ซึ่งออกแบบโดยใช้แบบบ้าน Breezespace ที่เป็นซิกเนเจอร์ของบริษัทเป็นพื้นฐานในการออกแบบ และเชื่อมต่อพื้นที่ภายในที่โล่งโปร่งและเปิดกว้างเข้ากับความงามของธรรมชาติที่อยู่ภายนอก
ไม่เพียงเท่านั้น บ้านของ Blu Homes ยังเป็นบ้านที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก ตัวบ้านถูกสร้างขึ้นด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับบ้านที่เข้มงวดที่สุด และสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของประเทศใดๆ ทำให้บ้านของ Blu Homes ช่วยลดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองรายเดือน ค่าบำรุงรักษาและต้นทุนในการเป็นเจ้าของได้มากถึง 50% ในเรื่องค่าพลังงานนั้นก็จะประหยัดไปได้กว่า 7,000 ดอลลาร์ในระยะเวลา 10 ปี
ส่วนร็อบบี้ อันโตนิโอ เป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Revolution Precrafted สตาร์ทอัพระดับยูนิคอร์นด้านอสังหาริมทรัพย์รายแรกและรายเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัทนี้เปิดตัวที่ Design Miami ในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 2015 อันโตนิโอจ้างดีไซเนอร์และสถาปนิกชั้นนำอย่างเคนโก้ กูมา เดวิด แอดจาเย่ ทาดาโอะ อันโดะ และแดเนียล ลิเบสไคนด์ ให้เป็นผู้ออกแบบพาวิลเลียนสำหรับการเปิดตัวบริษัทเพื่อให้ทุกคนเห็นถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาบ้านสำเร็จรูปแบบโมดูลาร์ หลังจากตั้งบริษัทได้เพียงปีเดียว มูลค่าของ Revolution Precrafted ก็เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงการระดมทุนรอบซีรีส์บี
Revolution Precrafted เป็นสตาร์ทอัพมูลค่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐรายแรกของฟิลิปปินส์ Revolution Precrafted ผลิตบ้านทั้งแบบปกติและแบบสำเร็จรูป บริษัทมีผลงานใน 31 ประเทศในเอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนื อเมริกาใต้และหมู่เกาะแคริบเบียน ผลงานบ้านสำเร็จรูปของ Revolution นั้นมีความโดดเด่นเพราะมีการออกแบบร่วมกับสถาปนิกหลายรายซึ่งรวมถึงช้าด อ็อปเปนไฮม์ด้วย
แม้แต่สตูดิโออย่าง TOOP architectuur ก็เกาะเทรนด์โมดูลาร์ด้วยโดยแปลงตู้คอนเทนเนอร์ให้เป็นออฟฟิศแบบโมดูลาร์ พร้อมตอกย้ำการใช้วัสดุที่มีราคาถูกอย่างไม้อัดสีแดงในการตกแต่งจนบรรยากาศดูหรูหราขึ้นมาได้ ขนาดของแผงไม้ก็มีลักษณะโมดูลาร์ด้วยเช่นกันและสามารถนำมาใช้ประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงานหรือตู้หนังสือ และใช้แผงเหล็กเปลือยมาวางเสียบแนวตั้งเพื่อใช้เป็นโครงให้กับตู้หนังสือโดยไม่ต้องใช้สกรูว์ ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดีของความยั่งยืนในเทรนด์ของการก่อสร้างบ้านแบบสำเร็จรูปนี้
บทความที่เกี่ยวข้อง: Here Are Some of Bangkok’s Most Expensive Homes
An industry projected to reach USD 157 billion by 2023, prefabricated modular homes are being spurred by adventure tourism demand and glamping.
Words: Jonathan Ho
Luxury pods and luxury modular accommodations are not a new concept but they are certainly a growing one. Gone are the days where these modular lodgings were associated with dilapidated mobile homes or trailer parks, instead – thanks to a combination of the great recession of 2007 to 2009 caused by the decimation of the US housing sector and the rise of adventure tourism and glamping, luxury modular homes or “pods” have become the next growth market.
Popular with hoteliers and a boon for entrepreneurial types with ambitions of picturesque resorts nestled atop hard to reach mountaintops or under starry desert night skies. Prefabricated or flat-pack homes are the mainstay in modular construction and today used in a variety of high-end commercial real estate projects but these luxury pods are only a subset of the modular construction market projected by McKinsey & Company to reach USD 157 billion by 2023.
While modular construction is still very much an outlier with quite a few downsides, most notably the complications of shipping or trucking the modules across long distances and then later moving them into place; the improving aesthetics and luxurious finishing of these prefabricated pod homes have become a growth industry for some of the most creative designer minds.
Made in Australia, Xpod is one of the latest prefabricated modular home providers. Xpods are innovative, luxurious modular homes designed to provide high-end accommodation for various locations and uses. Delivering minimalist yet designer accommodations in a spacious prefabricated structure rivalling even some of the most luxurious stays in traditional hotel or Airbnb settings.
The added benefit of these portable luxury pods allows the enterprising visionary to set up resorts in areas of natural beauty like wineries without the need for a permanent structure. Furthermore, the use of technology and sustainable materials complement the natural locations that the pods will occupy, rather than intrude upon the natural geography of the area. Additionally, the modern prefab home built on a custom-built steel frame and offers a minimum BAL 29 rating, providing protection and resistance against today’s changing climate.
Founded in 2007, Blu Homes is an early pioneer of prefabricated homes. It launched right at the start of the US housing crisis, which sent the skilled construction labour force into decline as developers went into bankruptcy, catapulted the firm into prominence.
The provider of premium prefab homes in North America, designed and manufactured in California, offers end-to-end solution – using a “stitch & seam” methodology to complete the home after it is set on the foundation. Their most iconic prefab modular home is the Breezehouse 2100, designed around the prefab pioneer’s signature glass-filled Breezespace to seamlessly connect airy, open interiors with the natural beauty of the outdoors.
Furthermore, Blu homes are simply the greenest homes in the world. Built to exceed the strictest green home regulations and energy efficiency ratings of any country, providing up to 50% lower monthly operating costs, lower maintenance, and lower cost of ownership, contributing to an average of USD 7,000+ in energy costs over 10 years.
And then there is Robbie Antonio, the founder and CEO of Revolution Precrafted, the first and only property unicorn startup in Southeast Asia. Launching at Design Miami in December 2015, Antonio commissioned leading designers and architects, including Kengo Kuma, David Adjaye, Tadao Ando and Daniel Libeskind for his launch pavilion, setting the tone and vision for the future of designer prefabricated modular homes. In 2016, a year after its founding, Revolution Precrafted raised the company’s valuation to over USD 1 billion during a Series B funding round.
The first startup billion dollar company in the Philippines, Antonio’s Revolution Precrafted is a global supplier of traditional and prefabricated homes and structures with footprints in 31 countries within Asia, Middle East, Europe, North and South America, and the Caribbean. Working with architect designers like Chad Oppenheim has really set Revolution’s prefabricated homes apart.
Even studios like TOOP architectuur are getting in on the modular trend by transforming shipping containers into modular offices. With a flair for visual identity, TOOP highlights the possibility of doing luxurious things with affordable materials such as red plywood. The dimensions of the wood panels are modular as well, forming everything from desks to bookshelves and placed with negative joints so that the untreated steel ribbons can form vertical elements of the bookshelves without the need for screws, making it one of the most sustainable examples of this prefab construction trend.
See also: Here Are Some of Bangkok’s Most Expensive Homes
