Jeep นำ Grand Cherokee Summit Reserve 4xe เข้าไทยอย่างเป็นทางการ
บทความ: รักดี โชติจินดา
Jeep เป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน นับตั้งแต่ยุคที่ผลิตรถเอนกประสงค์เพื่อใช้ในสนามรบจนถึงปัจจุบันที่ Jeep พัฒนาเอสยูวีระดับลักชัวรีขนาดต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนที่ชื่นชอบชีวิตแบบเอาท์ดอร์เป็นพิเศษ รถ Cherokee ของ Jeep เป็นผู้นำเทรนด์รถเอสยูวีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 และรถ Cherokee เจเนอเรชั่นที่ 2 นั้นก็เป็นภาพของ Jeep ที่ติดตาคนทั่วไปอย่างแพร่หลายที่สุดเพราะว่าผลิตต่อเนื่องนานเกือบ 2 ทศวรรษจากปี ค.ศ. 1984 จนถึงปี ค.ศ. 2001 หลังจากจากนั้นจึงมี Grand Cherokee ที่ยกระดับความสะดวกสบายและความหรูหราตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 เป็นต้นมา จนถึงเวลานี้ Grand Cherokee ได้โลดแล่นบนถนนในประเทศต่างๆ มานานถึง 30 ปีแล้ว โฉมที่ขายอยู่ในเวลานี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 5 และมีรุ่นปลั๊กอินไฮบริดด้วยในชื่อ 4xe (อ่านว่า “โฟร์บายอี”) ซึ่งในเมืองไทยนั้นจะเป็น Grand Cherokee Summit Reserve 4xe ซึ่งเป็นระดับออปชั่นสูงสุดของไลน์นี้
Jeep Grand Cherokee ใหม่มีรูปทรงและเส้นสายที่สืบทอดต่อมาจากรุ่นก่อนๆ แบบไม่ผิดเพี้ยน เพียงแรกเห็นก็ชวนให้นึกถึงภาพโฆษณาของ Grand Cherokee ตั้งแต่รุ่นแรกที่ทันที ที่ขาดไม่ได้เลยคือกระจังหน้าแบบ 7 ช่องที่คุ้นตา ไฟหน้าได้รับการปรับขนาดให้ดูเพรียวและยาวขึ้นตามสมัยนิยมและใช้หลอดแบบแอลอีดีที่มีประสิทธิภาพสูง หลังคาเป็นสีดำตัดกับสีตัวรถและมีซันรูฟแบบพาโนรามิกแบบแยกสองส่วน ล้ออัลลอยขนาดใหญ่โตเต็มตา 21 นิ้ว Grand Cherokee 4xe ใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 2.0 ลิตรที่ทำงานผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 17.3 กิโลวัตต์ชั่วโมงจนได้กำลังสูงสุด 381 แรงม้าและแรงบิด 637 นิวตันเมตรที่ถ่ายทอดสู่ล้อทั้งสี่ผ่านการควบคุมของชุดเกียร์แบบ 8 สปีด ผู้ขับสามารถเลือกโหมดการขับเคลื่อนได้ 3 โหมด ได้แก่ Hybrid, Electric หรือ eSave และยังเลือกสภาพพื้นผิวได้อีก 5 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่ Auto, Snow, Sand, Mud หรือ Rock
ภายในของ Grand Cherokee Summit Reserve 4xe ใหม่นั้นต้องกว้างขวาง โอ่อ่าและเพียบพร้อมอย่างแน่นอน เริ่มต้นตั้งแต่เบาะคู่หน้าที่ปรับได้ 12 ทิศทางพร้อมระบบระบายอากาศและนวดหลัง ตกแต่งตามจุดต่างๆ ด้วยไม้จริง ระบบปรับอากาศแบ่งแยก 4 โซนและตั้งค่าแสงภายในห้องผู้โดยสารให้เป็นแบบที่ต้องการได้ ด้านหน้าคนขับมีหน้าจอทีเอฟทีขนาด 10.25 นิ้วเพื่อแสดงค่าต่างๆ ที่จำเป็นต้องรับทราบขณะขับขี่ เสริมด้วยเฮดอัพดิสเพลย์บนกระจกหน้าเพื่อช่วยลดความจำเป็นในการละสายตาจากถนน บริเวณคอนโซลกลางมีหน้าจอแบบทัชสกรีนความละเอียดระดับอัลตร้าเอชดีขนาด 10.1 นิ้วที่ทำงานด้วยโปรเซสเซอร์ความเร็วสูง สามารถเชื่อมต่อกับทั้ง Android Auto และ Apple Car Play ได้ผ่านระบบปฏิบัติการ Uconnect 5 ภายในรถมีลำโพงดีไซน์พิเศษโดย McIntosh จากนิวยอร์คจำนวนทั้งหมด 19 ตัว
Grand Cherokee รุ่นล่าสุดนี้เป็นทั้งการสานต่อและการยกระดับตำนานที่อยู่คู่วงการมายาวนาน นอกจากในเรื่องของสมรรถภาพและความมีระดับแล้วก็ยังคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอีกด้วย จึงเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะนำพา Jeep เข้าสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแท้จริง สำหรับในประเทศไทยของเรานั้น Jeep Thailand ดำเนินกิจการโดย Belfort Automobile และมีตัวแทนจำหน่ายพร้อมศูนย์บริการ 5 แห่งในกรุงเทพมหานคร พัทยาและเชียงใหม่ ตลอดจนสตูดิโอที่เป็นโชว์รูมเพียงอย่างเดียวอีกแห่งที่ภูเก็ต รถยนต์ Jeep ที่จำหน่ายในประเทศไทยมีการรับประกัน 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมด้วยแพ็คเกจบำรุงรักษา Jeep Service Care ในช่วง 3 ปีแรกหรือ 55,000 กิโลเมตรแรกของการใช้งาน
บทความที่เกี่ยวข้อง: AMG Experience on Ice Openings for Q1 of 2024
The plug-in hybrid SUV combines the brand’s heritage with the latest technological advancements.
Words: Ruckdee Chotjinda
Jeep has come a long way from wartime utility to modern-day luxury. Several civilian models have been introduced to provide outdoor enthusiasts with off-road capability in various sizes. The Cherokee spearheaded the sports utility vehicle trend in 1974 – its second generation, spanning almost two decades from 1984 to 2001, was the face by which many people remember Jeep. There is also the Grand Cherokee that came out in 1993 with an enhanced level of comfort and luxury. Thirty years later, the Grand Cherokee continues to fill that exacting niche with its fifth-generation car, complete with the 4xe (pronounced “four-by-e”) plug-in hybrid option. For the Thai market, the Grand Cherokee 4xe is offered only in the trim level of Summit Reserve, which is the highest of all.
Attention is immediately drawn to the iconic seven-slot grille, and the slimmer but more powerful LED headlamps flanking it. The familiar silhouette then takes hold, bringing to mind the collective PR images of previous-generation Grand Cherokees tackling natural terrains over the years. Its two-tone exterior with a black, dual-pane panoramic sunroof is complemented by 21” alloy wheels. The Grand Cherokee 4xe is driven by a 2.0-liter, turbocharged petrol engine and an electric motor that draws energy from a 17.3 kWh battery for a total of 381 horsepower and 637 Nm torque that is transmitted to the four wheels through an 8-speed transmission. Select from three driving modes of Hybrid, Electric, or eSave, and five terrain modes of Auto, Snow, Sand, Mud, or Rock.
The interior of the new Grand Cherokee Summit Reserve 4xe is spacious, luxuriously appointed, and technologically enabled. In addition to 12-way adjustable front seats with ventilation and back massage, the car features real wood inserts, 4-zone climate control, and customizable ambient lighting. The driver stays informed of all pertinent information via the 10.25” TFT display, complete with the head-up display on the windshield to keep the eyes on the road. The 10.1” Ultra HD touchscreen on the central dashboard is powered by a much faster processor and connects with Android Auto or Apple Car Play through the Uconnect 5 operating system. Output is through 19 custom-designed speakers by the prestigious McIntosh from New York.
This latest Grand Cherokee iteration is both a continuation and an enhancement of a legacy. The driving experience and elegance combine with mindfulness of the planet in this bold product that will lead Jeep into the next era of the automotive industry. In Thailand, Jeep is managed by Belfort Automobile and represented by five dealership and service centers in Bangkok, Pattaya, and Chiang Mai, plus one show studio in Phuket. Jeep products are covered by a 3-year or 100,000-kilometer manufacturer warranty. The Jeep Service Care package is offered for free maintenance during either the first three years or 55,000 kilometers of use.
See also: AMG Experience on Ice Openings for Q1 of 2024