หน้าฝนเที่ยวไหนดี อัพเดต 5 ที่เที่ยวหน้าฝนในไทยหลากหลายสไตล์
บทความ: เนตรนภา ปะวะคัง ภาพ: Shutterstock
หน้าฝนใครว่าจะต้องพักผ่อนอยู่แต่ในบ้าน หรือออกไปเที่ยวได้แค่ในสถานที่ในร่ม เช่น ห้างสรรพสินค้า เพราะเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่คุณสามารถไปสัมผัสได้แม้จะเป็นช่วงหน้าฝน แถมบางที่ก็ยังได้รับการการันตีจากหลายต่อหลายคนแล้วว่าไปเที่ยวในช่วงหน้าฝนดีที่สุด และนี่คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไทยที่เราอยากแนะนำให้คุณลองไปเยือนในช่วงหน้าฝน
1. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย
เริ่มต้นที่แรกด้วยสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ร่องรอยของราชธานีแรกแห่งสยามที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 – 20 อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยตั้งอยู่ในอำเภอเมืองสุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 70 กิโลเมตร ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 547 เมื่อปี พ.ศ. 2534 ภายในอุทยานประกอบด้วยโบราณสถานที่กระจายอยู่ทั้งในและนอกกำแพงเมืองสุโขทัยกว่า 200 แห่ง ที่พลาดไม่ได้เช่น “วัดมหาธาตุ” ซึ่งเป็นวัดใหญ่และวัดสำคัญของเมืองสุโขทัย มีเจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ศิลปะแบบสุโขทัยแท้ และเคยเป็นที่ประดิษฐานพระศรีศากยมุนี พระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในไทยซึ่งปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ สำหรับเขตนอกกำแพงก็มีไฮไลต์เช่น แหล่งโบราณคดีเครื่องปั้นดินเผาสุโขทัย วัดพระพายหลวงซึ่งเป็นวัดใหญ่อันดับสองรองจากวัดมหาธาตุ รวมถึง “วัดศรีชุม” ที่มี “พระอจนะ” พระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัยสูง 15 เมตรซึ่งถือว่าเป็นองค์ใหญ่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ถึงปัจจุบันประดิษฐานอยู่ภายในวิหารสี่เหลี่ยมที่หลังคาพังทลายลงจนเหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน อีกหนึ่งจุดไอคอนิกที่ใครมาก็ต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก

2. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดสระบุรี, นครราชสีมา, ปราจีนบุรี และนครนายก
เขาใหญ่เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวยอดฮิตของชาวกรุงเทพฯ ที่สามารถไปได้ตลอดทั้งปี โดยปกติจะคึกคักมากในช่วงหน้าหนาว แต่การไปเที่ยวเขาใหญ่ในหน้าฝนหรือปลายฝนต้นหนาวก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะคุณจะได้พบกับผืนป่าเขียวขจีและอากาศเย็นฉ่ำกำลังดี คุณสามารถเดินป่าศึกษาธรรมชาติตามเส้นทางตั้งแต่กิโลนิดๆ ใช้เวลาเดินไม่เกินหนึ่งชั่วโมง ไปจนถึงระยะทางเกือบสิบกิโล หากอยากกางเต้นท์ก็ทำได้ทั้งในพื้นที่อุทยานและพื้นที่เอกชน สำหรับไฮไลต์หน้าฝน น่าจะเป็น “น้ำตกเหวสุวัต” น้ำตกหินกรวดภูเขาไฟสูงกว่า 25 เมตรที่เข้าถึงได้สะดวก มีร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำให้บริการ ในช่วงหน้าฝนคุณจะได้เห็นม่านน้ำขนาดใหญ่สวยงาม เดินขึ้นด้านบนไม่นานจะเจอจุดชมน้ำตกมุมสูง หากเดินลัดเลาะลงไปด้านล่างก็จะพบกับแอ่งน้ำขนาดใหญ่พร้อมสายน้ำเย็นสดชื่น แต่ควรระวังพื้นลื่นและน้ำไหลแรง อีกจุดที่ไม่อยากให้พลาดก็คือ “อ่างเก็บน้ำสายศร” จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกยอดฮิต ที่คุณจะได้เห็นภาพพระอาทิตย์ตกสะท้อนบนผิวน้ำก่อนลาลับขอบฟ้า ไม่เพียงเท่านี้ เพราะเขาใหญ่นั้นครอบคลุมหลายจังหวัด จึงยังมีสถานที่ธรรมชาติอื่นๆ คาเฟ่ ร้านอาหาร ถนนคนเดิน สวนสัตว์ และฟาร์มอีกมากมายให้คุณเลือกเที่ยวได้ตามสไตล์ที่ต้องการ

3. ภูทอกน้อย ถ้ำนาคา และหินสามวาฬ จังหวัดบึงกาฬ
แวะไปทางภาคอีสานกันบ้างกับสถานที่ท่องเที่ยวในบึงกาฬ จังหวัดริมโขงที่แยกตัวออกมาจากหนองคายเมื่อสิบปีก่อน บึงกาฬเป็นจังหวัดน้องใหม่ที่โด่งดังไม่แพ้ใครในแง่การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและจิตวิญญาณ เพราะมีทั้ง “ภูทอกน้อย” หรือวัดเจติยาคีรีวิหาร ซึ่งโดดเด่นด้วยทางเดินไม้เล็กๆ ที่ลัดเลาะผ่านหน้าผาหินและแนวป่า รวมถึงพุทธวิหาร ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ลักษณะคล้ายพระธาตุอินแขวนที่พม่า อีกหนึ่งจุดที่เรียกว่าเป็นสถานที่แห่งพลังศรัทธาที่คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาไม่ขาดสายก็คือ “ถ้ำนาคา” แหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาที่หินถูกกัดกร่อนจนมีลวดลายคล้ายเกล็ดงู ทั้งยังโค้งคล้ายงูใหญ่หรือพญานาคนอนขดตัวอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับตำนานความเชื่อท้องถิ่นเรื่องเจ้าปู่อือลือ หากคุณมาเยือนถ้ำนาคาในฤดูฝน ก็จะได้เห็นเฟิน มอส และพืชพันธุ์ต่างๆ ที่เกาะตามผิวหิน แลดูชุ่มฉ่ำ เย็นตาและเย็นใจ ปิดท้ายกับ “หินสามวาฬ” จุดชมวิวที่สวยที่สุดของจังหวัดบึงกาฬ โดยเฉพาะวิวพระอาทิตย์ขึ้น มีลักษณะเป็นหินขนาดใหญ่ติดหน้าผาสูงที่แยกตัวเป็น 3 ก้อน อายุประมาณ 75 ล้านปี ที่เรียกได้ว่าเป็นอันซีนหนึ่งเดียวในโลก ที่มาของชื่อก็เพราะหากมองไกลๆ หรือมองมุมสูง จะเห็นหินสามก้อนนี้มีลักษณะเหมือนฝูงวาฬที่ประกอบด้วยพ่อวาฬ แม่วาฬ และลูกวาฬ ตามขนาดของหินแต่ละก้อน

4. อำเภอปัว จังหวัดน่าน
ใครอยากลองใช้ชีวิตแบบเนิบช้า สโลว์ไลฟ์ แนะนำให้ไปเที่ยวน่านดูสักทริป หากไม่รู้จะเริ่มเส้นทางไหนดี หน้าฝนนี้เราขอแนะนำให้ลองไปแอ่ว “ปัว” อำเภอที่ครบครันทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม ทุ่งนาอันเขียวขจีของอำเภอปัวเรียกได้ว่าเป็นภาพที่ใครเห็นก็ต้องปักหมุดเข้าลิสต์สถานที่ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง โดยเฉพาะนาขั้นบันไดในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยภูคาและป่าผาแดง ซึ่งความงดงามนี้ไม่ใช่จะเห็นได้ทุกฤดูกาล จะต้องเป็นช่วงหน้าฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว คุณจึงจะได้เห็นภาพทุ่งนาสวยๆ ที่ว่านี้ แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือเย็น บรรยากาศจะยิ่งดีสุดๆ สำหรับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ต้นไม้หรือภูเขาเราก็เห็นกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปอำเภอปัว เราอยากแนะนำให้ไป “วังศิลาแลง” หรือ “แกรนด์แคนยอนเมืองปัว” ลักษณะเป็นซอกหินผาลวดลายงดงามแปลกตาที่เกิดจากลำน้ำกูนไหลผ่านและกัดเซาะมานานหลายพันปี ทั้งนี้แนะนำให้ไปช่วงปลายฝนต้นหนาว คุณจะได้เห็นสายน้ำที่ใสกว่าช่วงฝนตกจัด นอกจากสองสถานที่ที่ว่า อำเภอปัวยังมีคาเฟ่สวยๆ กลางทุ่งนา วัดเงียบสงบที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ อีกทั้งคุณยังสัมผัสวิถีชีวิตของหลากหลายชาติพันธุ์ เช่น ไทลื้อ ม้ง เมี่ยน ได้ด้วย

5. เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) เขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พูดถึงการไปเที่ยวภาคใต้ คนส่วนมากก็น่าจะนึกถึงทะเล หาดทราย หรือเกาะต่างๆ ซึ่งน่าจะเหมาะไปเที่ยวในช่วงหน้าร้อนมากกว่า แต่ใช่ว่าหน้าฝนเราจะลงใต้ไม่ได้ เพราะภาคใต้ก็มีที่เที่ยวที่เราว่าเหมาะจะไปสัมผัสในช่วงหน้าฝน ที่แนะนำเลยก็ “เขาสก” หรือเขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ได้รับสมญานามว่า “กุ้ยหลินเมืองไทย” เพราะมีจุดเด่นคือเป็นภูเขาหินปูนสูงต่ำสลับซับซ้อนรูปร่างแปลกตาที่โผล่พ้นน้ำ สีเทาปนดำของภูเขา ตัดกับสีเขียวสดของต้นไม้ที่ขึ้นแซม และสีเขียวมรกตของน้ำในเขื่อนซึ่งเป็นสีที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักในแหล่งน้ำจืด ถือเป็นภาพที่สวยและอลังการสุดๆ การไปเที่ยวเขาสกคุณสามารถไปแบบวันเดย์ทริป หรือหากมีเวลา แนะนำให้พักค้างคืนที่แพซึ่งมีให้บริการอยู่หลายเจ้า บรรยากาศของเขาสกในช่วงกลางคืนนั้นเงียบสงบ เมื่อตื่นมายามเช้าคุณจะได้พบกับไอหมอกที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำและกระทบกับภูเขา พร้อมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยจับตา ถือเป็นอีกหนึ่งทริปที่เหมาะมากสำหรับคนที่อยากผ่อนคลายและชาร์จพลังให้เต็มที่

บทความที่เกี่ยวข้อง: Five Bangkok Photo Checkpoints for Tourists