สวยดั่งต้องมนต์ กับ 5 ตลาดคริสต์มาสในยุโรปที่ควรค่าแก่การไปเยือน
บทความ: เนตรนภา ปะวะคัง ภาพ: Shutterstock
คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ความอบอุ่น และเป็นเทศกาลที่ผู้คนรอคอยกันมากที่สุดเทศกาลหนึ่งของโลก การได้สัมผัสเสน่ห์ของคริสต์มาสไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การมอบของขวัญ หรือการประดับตกแต่ง ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจไม่น้อย แต่หากคุณชื่นชอบการเดินทาง การได้ไปเยือนตลาดคริสต์มาสในยุโรปซึ่งเป็นต้นกำเนิดของคริสต์มาสก็ถือเป็นการเติมเต็มประสบการณ์ทางวัฒนธรรมที่อันแสนวิเศษ เพราะตลาดคริสต์มาสไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ชอปปิ้ง แต่ยังเป็นสถานที่ให้คุณได้เรียนรู้และเข้าใจถึงวิถีชีวิต ประเพณี และความงดงามของแต่ละท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง วันนี้ เราจึงได้รวบรวม 5 ตลาดคริสต์มาสในยุโรปที่ควรค่าแก่การไปเยือนมาให้คุณแล้ว บอกเลยว่าแต่ละที่ต่างก็มีเรื่องราว เสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะทำให้คุณอยากไปเยือนให้ครบทุกที่แน่นอน
1. เมืองสตราสบูร์ก ประเทศฝรั่งเศส
สตราสบูร์กเป็นเมืองมรดกโลกที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเมืองหลวงแห่งคริสต์มาส ตลาดคริสต์มาสที่นี่เป็นตลาดเก่าแก่และใหญ่ที่สุดของประเทศ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่มีสถาปัตยกรรมแบบโกธิคอันงดงาม นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับบรรยากาศแสนโรแมนติก มีการประดับประดาด้วยแสงไฟนับแสนดวง ซุ้มขายของ เช่น ของที่ระลึก อาหารท้องถิ่น ของตกแต่งคริสต์มาส ที่มีมากถึง 300 ซุ้ม กระจายอยู่ใน 12 จุดทั่วเมือง ไฮไลต์คือการประดับตกแต่งบริเวณมหาวิหารสตราสบูร์กด้วยแสงไฟที่สวยงามราวกับภาพในเทพนิยาย เมื่อมาเยือนแล้ว อย่าพลาดลิ้มรส “เบรเดเล่” คุกกี้คริสต์มาสดั้งเดิมของแคว้นอัลซาส พร้อมจิบไวน์ร้อน เครื่องดื่มประจำเทศกาลคริสต์มาสต์ที่มีต้นกำเนิดจากเยอรมนีเพื่อคลายหนาว ถือเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมฝรั่งเศสและเยอรมันได้อย่างลงตัว
2. กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
กรุงเวียนนาเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าหลงใหลสำหรับคนรักคริสต์มาส เพราะที่นี่มีตลาดคริสต์มาสมากกว่า 20 แห่งทั่วเมือง ที่โดดเด่นที่สุดคือตลาดคริสต์มาสหน้าแรทเฮ้าส์หรือศาลาว่าการกรุงเวียนนาซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 30,000 ตารางเมตร พื้นที่ต่างๆ จะถูกประดับตกแต่งด้วยแสงไฟสีทองระยิบระยับ สะท้อนถึงความหรูหราของยุคจักรวรรดิ คุณจะได้เพลิดเพลินกับขนมปังขิง เครื่องดื่มร้อนๆ แอปเปิ้ลแคนดี้ซึ่งเป็นของหวานยอดฮิตประจำเทศกาล และเมนูพลาดไม่ได้อย่างชนิทเซล หรือเนื้อทุบบางๆ ชุบแป้งทอด ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติของออสเตรีย ในบรรยากาศจะแสนอบอุ่นและมีเสน่ห์ราวกับภาพวาด
3. เมืองบรูจส์ ประเทศเบลเยียม
ตลาดคริสต์มาสที่นี่ถือเป็นศูนย์กลางตลาดคริสต์มาสของเบลเยียม ตั้งอยู่ที่จัตุรัสใจกลางเมืองและอนุเสาวรีย์ไซมอน สเตวิน ท่ามกลางอาคารสไตล์ยุคกลางที่แสนสวยงามและดูราวกับบ้านขนมปังขิงในนิทาน มีหอระฆังโบราณสูงถึง 83 เมตร เนื่องจากมีคลองล้อมรอบเมืองจึงได้รับฉายาว่า “เวนิสแห่งยุโรปเหนือ” เมื่อประดับประดาด้วยหิมะจำลองและไฟระยิบระยับก็ยิ่งทำให้โรแมนติกขึ้นไปอีก โดยเฉพาะในยามค่ำคืน คุณสามารถเดินชมตลาดคริสต์มาสท่ามกลางอาคารสถาปัตยกรรมโบราณ ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น และเลือกซื้อของที่ระลึกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างไม่มีเบื่อ
4. เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ด้วยทำเลที่ตั้งที่ติดกับประเทศฝรั่งเศสและเยอรมัน ทำให้ตลาดคริสต์มาสในเมืองบาเซิลมีความพิเศษตรงที่ผสมผสานทั้งวัฒนธรรมสวิส เยอรมัน และฝรั่งเศส บรรยากาศจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบชนบทสวิส อีกทั้งตลาดคริสต์มาสที่นี่ยังเปรียบเสมือนสวรรค์ของคนรักชีส นอกจากการนำเสนออาหารและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหลากหลาย ที่นี่ยังมีการขายชีสกว่า 50 ประเภท นักท่องเที่ยวจะได้ลิ้มรสชีสคุณภาพสูง ชมการสาธิตการทำอาหาร และเลือกซื้อของฝากที่น่าสนใจ พร้อมกับความอบอุ่นจากผู้คนและแสงไฟคริสต์มาส ทั้งยังมีการแสดงดนตรีแจ๊ซและคลาสสิกใช้ชมตลอดช่วงเทศกาลด้วย
5. เมืองเดรสเดิน ประเทศเยอรมนี
ปิดท้ายด้วยตลาดชไตรเซิลมาร์กท์ในเมืองเดรสเดิน ตลาดคริสต์มาสที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป เริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1434 ชื่อตลาดมีที่มาจากชต็อลเลิน หรือสโตเลน ขนมปังหวานที่ชาวเยอรมันนิยมรับประทานกันในช่วงคริสต์มาส ที่นี่มีการจัดแสดงศิลปะหัตถกรรมท้องถิ่น เช่น ไม้แกะสลัก ตุ๊กตานัทแครกเกอร์ เครื่องเซรามิก การแสดงดนตรี การประกวดต้นคริสต์มาสที่สูงที่สุดในเมือง รวมถึงเทศกาลเฉลิมฉลองขนมสโตเลน ที่จะมีการสาธิตวิธีการทำ และมีขนมสโตเลนขนาดยักษ์เป็นไฮไลต์ของงาน เรียกว่าเป็นตลาดคริสต์มาสที่สะท้อนวัฒนธรรมเยอรมันอย่างแท้จริง
บทความที่เกี่ยวข้อง: Celebrate the Festive Season with Delightful Hampers from Shangri-La Bangkok