ติดตามความคืบหน้าของหลายบริษัทที่มุ่งนำนักท่องเที่ยวเงินหนาไปเปิดประสบการณ์นอกโลก
บทความ: รักดี โชติจินดา ภาพเปิด: Virgin Galactic
เดนนิส ทีโต เศรษฐีพันล้านชาวอเมริกันเป็นนักท่องอวกาศคนแรกของโลกเมื่อเขาควักเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อจ่ายเป็นค่าเดินทางไปค้างแรมบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์เมื่อปี ค.ศ. 2001 หน่วยงานที่พาเขาไปทำความฝันให้เป็นจริงในเวลานั้นคือองค์การอวกาศรัสเซียไม่ใช่ NASA นั่นเป็นเพราะว่าในขณะนั้น NASA ไม่ได้มีความคิดที่จะรับพลเรือนเป็นผู้โดยสารแบบจ่ายเงิน และทางรัสเซียเองก็กำลังอยากได้งบประมาณเพิ่มเติมอยู่พอดี ในครั้งนั้นทีโตกลับสู่โลกได้อย่างปลอดภัย และมีเศรษฐีเงินหนาอีกจำนวนหนึ่งที่เลือกเดินทางด้วยวิธีเดียวกันกับเขานี้จนกระทั่งปี ค.ศ. 2009
แต่ในยุคสมัยปัจจุบัน การเดินทางออกสู่ห้วงอวกาศไม่ใช่เรื่องที่จำกัดอยู่เพียงในวงของหน่วยงานรัฐอีกต่อไป เพราะอย่างเช่นในปีนี้เพียงปีเดียว เราก็ได้เห็นข่าวคราวเกี่ยวกับความสำเร็จของบริษัทการบินอวกาศเอกชนหลายบริษัทอย่างต่อเนื่อง
เริ่มต้นกันที่ Virgin Galactic ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2004 และมีเป้าหมายในการเดินทางออกสู่อวกาศภายในปี ค.ศ. 2010 หลังจากที่ต้องล่าช้าด้วยเหตุต่างๆ Virgin Galactic ก็สามารถนำผู้โดยสารกลุ่มแรกออกนอกชั้นบรรยากาศของโลกได้แล้วในเดือนกรกฎาคมนี้เอง เที่ยวบินดังกล่าวเป็นที่จับตาของสื่อทั่วโลกเพราะว่าหนึ่งในผู้โดยสารนั้นก็คือเซอร์ ริชาร์ด แบรนสัน ผู้ก่อตั้งบริษัทนั่นเอง ยานอวกาศของ Virgin Galactic มีชื่อว่า SpaceShipTwo และยานลำนี้ไม่ได้ถูกปล่อยออกจากพื้นดินด้วยจรวด หากแต่ใช้วิธีเกาะอยู่ใต้ยานแม่ชื่อ WhiteKnightTwo เพื่อบินขึ้นไปถึงระดับความสูงที่ต้องการแล้วจึงแยกตัวออกมาแล้วขับเคลื่อนตัวเองต่อไปในแนวตั้งจนออกสู่อวกาศ
ที่ระดับความสูง 80 กิโลเมตรนั้น ผู้โดยสารจะเห็นความโค้งของโลกและได้สัมผัสกับสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงเป็นช่วงเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่ SpaceShipTwo จะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกและร่อนลงจอดเหมือนเครื่องบินปกติที่ศูนย์การบินของ Virgin Galactic ที่นิวเม็กซิโก ตามรายงานข่าวระบุว่าขณะนี้มีคนลงชื่อแสดงความสนใจจะออกเดินทางสู่อวกาศกับบริษัทนี้แล้วถึงราว 650 คนในราคาค่าตั๋วคนละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ
เศรษฐีชื่อดังอีกคนหนึ่งที่ได้ออกไปเที่ยวนอกโกลในเดือนเดียวกันนี้ก็คือเจฟ เบซอสแห่ง Amazon ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทการบินอวกาศเอกชน Blue Origin ในครั้งนี้เขาเดินทางร่วมกับมาร์ค เบซอส ผู้เป็นน้องชายจึงทำให้ทั้งสองเป็นพี่น้องคู่แรกที่ได้เดินทางออกไปยังอวกาศพร้อมกัน โอลิเวอร์ เดเมน ซึ่งเป็นนักท่องอวกาศอายุน้อยที่สุดในโลกด้วยวัย 18 ปี และ วอลลี ฟังค์ ซึ่งเป็นนักท่องอวกาศอายุมากที่สุดในโลกด้วยวัย 82 ปี ทั้งหมดออกเดินทางด้วยยาน New Shepard ซึ่งเป็นแคปซูลอัตโนมัติที่รองรับผู้โดยสารได้เต็มที่ 6 คนและไม่ต้องมีนักบินประจำแต่อย่างใด
แคปซูลนี้ถูกส่งจากพื้นดินด้วยจรวดขับเคลื่อนจนถึงระดับความสูงแห่งสภาพไร้น้ำหนักแล้วจึงจะแยกตัวออกมาเพื่อให้จรวดนั้นกลับลงไปร่อนลงจอดบนพื้นดินสำหรับการใช้งานครั้งต่อไป ตัวแคปซูลเองจะลอยผ่านเส้นคาร์มานที่ระดับความสูง 100 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลางแล้วจึงค่อยๆ กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกและกางร่มชูชีพเพื่อลงจอดกลางทะเลทราย
Blue Origin จะปล่อยเที่ยวบินแบบนี้อีกสองครั้งในปีนี้โดยมีผู้โดยสารที่จ่ายเงินพร้อมรออยู่แล้ว และในปีหน้าก็จะมีอีกหลายไฟลท์ ผู้โดยสารทุกคนได้เห็นวิวเต็มตาแน่นอนเพราะเป็นวินโดว์ซีททั้งหมด และหน้าต่างก็มีขนาดใหญ่โตไม่เหมือนยานอวกาศใดๆ ที่เคยเห็นกันมาก่อนหน้านี้ ในเรื่องราคานั้น Blue Origin ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ใครที่สนใจก็สามารถลงชื่อกับบริษัทไว้ได้ก่อนเลย
SpaceX จะเป็นบริษัทการบินอวกาศเอกชนรายสุดท้ายที่ส่งนักท่องเที่ยวออกไปนอกโลกในเชิงพาณิชย์ แต่ก่อนหน้านี้ SpaceX ประสบความสำเร็จมาแล้วกับการใช้จรวดแบบใช้ซ้ำได้ชื่อ Falcon 9 ส่งยาน Dragon ที่สามารถรองรับลูกเรือ 7 ชีวิตออกไปเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติพร้อมกับนักบินอวกาศของ NASA ถึง 2 ครั้งในเดือนพฤษภาคมและพฤศจิกายนปีที่แล้วและอีก 1 ครั้งในเดือนเมษายนปีนี้
และประวัติศาสตร์หน้าใหม่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนนี้กับภารกิจ Inspiration4 ซึ่งจะเป็นภารกิจท่องอวกาศโดยลูกเรือที่เป็นพลเรือนล้วนๆ ภารกิจแรกของโลก Inspiration4 จะทำการปล่อยตัวออกจากศูนย์การบินเดียวกันกับภารกิจ Apollo และ Space Shuttle ต่างๆ เพื่อไปโคจรรอบโลกเป็นเวลานาน 3 วันก่อนที่จะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกและกางร่มชูชีพเพื่อลงจอดในทะเล ในอนาคต SpaceX มีเซ็นสัญญากับ Axiom Space แล้วเพื่อนำผู้โดยสารไปเที่ยวสถานีอวกาศนานาชาติรวมทั้งหมด 4 ภารกิจช่วงต้นปี ค.ศ. 2022 ไปจนถึงปี ค.ศ. 2023 และในระดับต่อไป SpaceX จะมียานอวกาศที่สามารถพาผู้โดยสารไปบินวนชมดวงจันทร์ และจะช่วยนำนักบินอวกาศของ NASA กลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้งภายใต้โครงการ Artemis
พัฒนาการทั้งหมดนี้ทำให้การท่องเที่ยวในอวกาศเกิดขึ้นจริงแล้ว แม้ว่าราคาหรือต้นทุนเพื่อการออกไปในแต่ละครั้งจะเป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าที่คนทั่วไปจะจ่ายไหวก็ตาม แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปอีกระดับและการแข่งขันมีมากขึ้น ราคาของการเดินทางออกไปยังอวกาศก็ย่อมลดลงเองเหมือนนวัตกรรมอื่นๆ ที่ผ่านมาในอดีต ใครสนใจก็ต้องรอดูกันต่อไป
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวในอวกาศก็เป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเพราะคนต่างกลุ่มต่างวัยก็มองอะไรไม่เหมือนกัน คนรุ่นเจนเอ็กซ์ที่โตมากับการที่ประเทศมหาอำนาจแข่งเอาดีกันในเรื่องการสำรวจอวกาศก็มีแนวโน้มที่จะอินกับการท่องเที่ยวในอวกาศมากกว่า ในขณะที่คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งก็ตั้งคำถามแล้วว่าจะเดินทางไปทำไมให้เกิดมลพิษและสภาวะโลกร้อนมากกว่าเดิม เพราะคาร์บอนฟุตปรินท์ที่เกิดขึ้นต่อคนนั้นก็สูงมาก เนื่องจากในเที่ยวบินหนึ่งก็จะมีคนเพียงไม่กี่คน ไม่เหมือนเที่ยวบินพาณิชย์ปกติที่มีผู้โดยสารเป็นร้อย
ขณะนี้มีสมาชิกรัฐสภาของอเมริกันจากรัฐโอเรกอนคนหนึ่งออกมาเสนอแล้วว่าควรจะมีการเรียกเก็บภาษีจากนักท่องเที่ยวอวกาศที่บินออกไปโดยไม่มีวัตถุประสงค์ในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อนำเงินนั้นกลับมาสร้างประโยชน์ให้กับสังคมในทางอื่นแทน เชื่อว่าเรื่องนี้ก็ต้องไปคุยกันต่อแน่ๆ และหากทุกฝ่ายหาจุดที่ลงตัวและยุติธรรมได้ก็จะเกิดเป็นผลดีกับโลกเราอย่างแท้จริง
บทความที่เกี่ยวข้อง: TWA Hotel at JFK Rekindles Nostalgia
Amidst the pandemic, private space flight companies are making huge progress in delivering an out-of-this-world experience.
Words: Ruckdee Chotjinda Opening Photo: Virgin Galactic
Historically, recreational space tourism began in 2001 when Dennis Tito, an American billionaire, paid USD 20 million to fly to the International Space Station where he spent a week. His carrier back then was a Russian Soyuz rocket because NASA was not interested in having civilians as paying passengers, and the Russian space program happened to be in need of funding. Tito returned safely to earth and only a handful of non-astronaut civilians have made such a trip to space with the Russians until 2009.
Fast forward to the present days, the ability to travel into the space is no longer limited to the governments. Private space flight companies continuously made headline news this year.
Founded in 2004 with a goal of a spaceflight by 2010, Virgin Galactic finally brought passengers out of this world in July this year. The mission was highly publicized as one of the passengers was Sir Richard Branson, the company’s founder himself. The spacecraft developed by Virgin Galactic is launched not from the ground but from mid-air. Once released from the mothership WhiteKnightTwo, the SpaceShipTwo’s rocket motor was ignited, sending the smaller craft climbing vertically into space.
At the altitude of 80 kilometers, passengers could appreciate the curvature of the earth and experience minutes of weightlessness before SpaceShipTwo re-entered the earth’s atmosphere and landed in the same fashion as a normal aircraft at the firm’s facility in New Mexico. About 650 travelers are reportedly signed up for this experience with Virgin Galactic which will cost USD 250,000 per person.
Another globally recognized billionaire made it to space in the same month. It is none other but Jeff Bezos of the Amazon fame with his private spaceflight company Blue Origin. Together with his younger brother Mark Bezos (making them the first siblings to fly in space together), Oliver Daemen (the youngest person to fly in space at the age of 18) and Wally Funk (the oldest person to fly in space at the age of 82), the crew of four boarded the New Shepard: a pressurized, autonomous capsule for six passengers and no pilot. It was rocket launched from the ground up to the altitude of zero gravity. At this point, the reusable booster separated from the capsule and began its controlled descent to the ground. Meanwhile, the capsule was catapulted slightly beyond the Karman Line of 100 kilometers above sea level before it, too, began the descent back into the atmosphere. Parachutes were deployed and the capsule landed safely back on the desert.
Blue Origin has two more flights scheduled for paying passengers this year, with many more to follow next year. Everyone gets their own window seat, and the windows are reportedly the largest ever for a space capsule. Ticket price is not yet announced but the company will be happy to register your interest already.
SpaceX is the last prominent private space flight company to send commercial passengers into space. It has, however, provided the means for NASA astronauts to go to the International Space Station on two missions in May and November 2020 and one more in April 2021. Their Dragon spacecraft can carry a crew of seven into space, thanks to the lift by the reusable Falcon 9 rocket. Come this September, their Inspiration4 mission will make history by being the first all-civilian crew. Inspiration4 will leave the earth from the same location as the Apollo and the Space Shuttle missions, make orbits around the earth for three days, then return to earth with parachute landing over water.
In the future, SpaceX will work with Axiom Space to bring commercial passengers to the International Space Station. Four such missions are scheduled to take place from early 2022 to 2023. Other developments are already in place to fly passengers around the moon on a commercial basis; and, to land NASA astronauts on the moon once again under the Artemis program.
This all means that space tourism will be possible, if not financially feasible for the mass in a decade. But like all innovations, costs can be lowered over time with scale, technology or sheer competition. We just have to wait and see.
Space tourism can be a divisive and polarizing subject, though. While the idea resonates with Generation X who grew up seeing either the governmental space race, many younger members of the societies who are more concerned about climate change than going to space begin to question the environmental impacts caused by recreational space flights. The carbon footprint per person is much higher than a regular long haul commercial flight where there are many times more passengers on board.
Already this month, a Democrat Oregon congressman has suggested a bill to tax space tourists so their recreational, non-scientific journeys can in turn support public good. The idea certainly will be picked up on and, with good balance and goodwill, a compromise should be made that satisfies every party’s objectives and aspirations.
See also: TWA Hotel at JFK Rekindles Nostalgia
