แนะนำ 6 ที่เที่ยวปูซาน ทั้งจุดอันซีนและยอดนิยมที่สวยจนต้องบอกต่อ
บทความ: เนตรนภา ปะวะคัง ภาพเปิด: Photo Korea – Seo Yeong-gyeon
ปูซาน เมืองท่าสำคัญของเกาหลีใต้ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยความที่เป็นเมืองติดทะเล ทำให้มีทั้งชายหาดสวยงาม อาหารทะเลสดอร่อย และวัฒนธรรมที่ผสมผสานระหว่างความเป็นเมืองท่าโบราณกับความทันสมัย วันนี้เราจะพาคุณไปสัมผัสมุมต่างๆ ของปูซาน ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและจุดเช็คอินที่อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่รับรองว่าสวยงามไม่แพ้ที่ไหน
ตลาดปลาจากัลชี
ตลาดปลาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ด้วยอาคารใหญ่ 7 ชั้น และพื้นที่กลางแจ้งโดยรอบแห่งนี้ ไม่ใช่แค่สถานที่ซื้อขายอาหารทะเล แต่เป็นหัวใจสำคัญของวัฒนธรรมอาหารปูซาน ที่นี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่สมัยสงครามเกาหลี เมื่อผู้หญิงหลายคนต้องมาขายปลาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว จนเกิดเป็นวัฒนธรรม “แม่ค้าจากัลชี” หรือคุณป้าขายปลาสัญลักษณ์สำคัญของที่นี่ หลักๆ บริเวณชั้น 1 เป็นโซนขายอาหารทะเลสด และสัตว์ทะเลเป็นๆ นานาชนิด ส่วนชั้น 2 เป็นร้านอาหารที่จะนำอาหารทะเลจากชั้นล่างมาปรุงสดๆ ให้คุณได้ลิ้มลอง ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือ ซาชิมิ แมอุนทังหรือซุปปลาเผ็ด แฮมุลทังหรือหม้อไฟรวมมิตรทะเล แนะนำให้ไปช่วงสาย เพราะร้านค้าเปิดครบและอาหารทะเลยังสดใหม่
หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน
“มาชูปิกชูแห่งปูซาน” คือฉายาที่นักท่องเที่ยวมอบให้หมู่บ้านสีลูกกวาดแห่งนี้ ที่นี่โดดเด่นด้วยบ้านเรือนหลากสีที่เรียงตัวเป็นขั้นบันไดไล่ระดับลงมาตามเนินเขา ในอดีตเคยเป็นที่พักพิงของผู้อพยพในช่วงสงครามเกาหลี ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้เป็นย่านศิลปะที่มีชีวิตชีวา มีงานประติมากรรม ภาพวาด และการตกแต่งที่สร้างสรรค์ซ่อนอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือรูปปั้นเจ้าชายน้อย (The Little Prince) ที่นั่งมองวิวเมืองอยู่บนม้านั่งสีฟ้าซึ่งเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม โดยเฉพาะในหมู่แฟนวรรณกรรมชื่อก้องโลกเรื่องนี้ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีคาเฟ่เก๋ๆ และร้านขายของที่ระลึกมากมาย แนะนำให้มาช่วงเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยว และได้แสงสวยๆ ในการถ่ายภาพ
หมู่บ้านวัฒนธรรมฮวีน-ยอ-อุล
หากคุณอยากได้ความสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่บนหน้าผาริมทะเลอย่างหมู่บ้านวัฒนธรรมฮวีน-ยอ-อุลน่าจะตอบโจทย์คุณมากกว่า ด้วยบ้านเรือนสีขาวสะอาดตาที่เรียงรายตามแนวหน้าผา ทำให้ได้รับฉายาว่า “ซานโตรินีแห่งปูซาน” จุดเด่นของที่นี่คือ สกายวอล์ค หรือระเบียงชมวิวกระจกที่ทอดยาวไปตามแนวหน้าผา ให้คุณได้ชมวิวทะเลแบบ 180 องศา โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกที่จะสวยงามเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีงานศิลปะบนกำแพงสีขาวที่สร้างสีสันให้กับหมู่บ้าน ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ตามซอกซอย และร้านอาหารท้องถิ่นที่เสิร์ฟอาหารทะเลสดๆ วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชาวบ้านที่นี่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกอีกใบ
F1963
อดีตโรงงานผลิตสายเคเบิลที่ถูกแปลงโฉมให้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัย F1963 เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำพื้นที่อุตสาหกรรมเก่ามาใช้ประโยชน์ใหม่ ชื่อ F1963 (Factory 1963) มาจากปีที่โรงงานเริ่มดำเนินการ ภายในพื้นที่กว่า 9,000 ตารางเมตร มีการผสมผสานโครงสร้างและกลิ่นอายโรงงานเดิม เช่น เสาเหล็กขนาดใหญ่ ท่อโลหะเปลือย ผนังคอนกรีต เข้ากับการตกแต่งสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ภายในมีทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี่และพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะหมุนเวียน โรงกาแฟที่คั่วเมล็ดกาแฟสดๆ ร้านหนังสือขนาดใหญ่ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักศิลปะและกาแฟ หากคุณไปเยือนในช่วงเย็น ก็สามารถชมพระอาทิตย์ตกอันงดงามที่บริเวณลานด้านนอกได้ด้วย
อทุยานธรรมชาติแทจงแด
ตั้งอยู่บนเกาะแทจงแดในพื้นที่กว่า 1,100 ไร่ ที่นี่กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับผู้ที่หลงใหลในความงามของธรรมชาติ จุดเด่นคือหน้าผาหินปูนสูงชันที่ทอดตัวขนานไปกับทะเล และทัศนียภาพอันงดงาม โดยเฉพาะจากประภาคารแทจงที่ตั้งตระหง่านอยู่บนหน้าผาซึ่งเป็นจุดชมวิวยอดนิยมที่สามารถมองเห็นท้องทะเลสีครามและเกาะเล็กเกาะน้อยได้ไกลสุดสายตา ในวันที่อากาศแจ่มใส คุณอาจโชคดีได้เห็นเกาะของญี่ปุ่นลอยอยู่ไกลๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ได้รับการดูแลอย่างดี รวมถึง “รถไฟทานูบี” รถรางน่ารักที่จะพาชมจุดสำคัญต่างๆ รอบอุทยาน ที่นี่ยังมีร้านอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเลสดใหม่ โดยเฉพาะซาชิมิที่เสิร์ฟพร้อมวิวทะเลสุดตระการตา รวมถึงกิจกรรมดำน้ำลึกที่หาดคัมจี แฮ-บยอน
วัดแฮดงยงกุงซา
วัดพุทธริมทะเลที่สวยที่สุดในปูซาน ตั้งอยู่บนโขดหินริมทะเลตะวันออก สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1376 โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งอันน่าทึ่ง ต่างจากวัดพุทธส่วนใหญ่ในเกาหลีที่มักสร้างอยู่บนภูเขา การเดินเข้าวัดต้องผ่านบันได 108 ขั้น ท่ามกลางเสียงคลื่นกระทบโขดหิน สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ไฮไลต์อยู่ที่เจดีย์สามชั้นสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโขดหิน พระพุทธรูปสีทองที่ประดิษฐานกลางแจ้ง และสะพานมังกรที่ทอดยาวสู่ทะเล ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือยามพระอาทิตย์ขึ้น โดยเฉพาะในวันปีใหม่ที่ผู้คนมักมาชมแสงแรกของปี หรือหากมาเยือนในช่วงเดือนเมษายน คุณก็จะได้ชมดอกซากุระสีชมพูตัดกับอาคารวัดสีแดงและฟ้าทะเลสีคราม
บทความที่เกี่ยวข้อง: A Guide to Jeju Island: South Korea’s Paradise for Luxury Retreats