เปิดประสบการณ์การดูแลสุขภาพครบวงจรแบบพรีเมียมลักชัวรีที่ The Sukhothai Spa โรงแรม The Sukhothai Bangkok
บทความ: เนตรนภา ปะวะคัง ภาพ: The Sukhothai Spa
ณ ถนนสาทรใต้ เส้นทางสัญจรสำคัญของย่านสาทร หนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน สถานทูต อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงที่พักสุดเอ็กซ์คลูซีฟอย่าง The Sukhothai Bangkok โรงแรมระดับลักชัวรีที่เปรียบเสมือนโอเอซิสกลางเมือง ที่คุณสามารถสัมผัสบรรยากาศอันเงียบสงบและความเขียวขจีของพืชพันธุ์ต่างๆ จนอาจลืมไปเลยว่าโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนนสาทรใต้แสนคึกคัก นอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารและบาร์รวม 7 ห้อง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ฟิตเนสสตูดิโอที่มีทั้งห้องสตีม ห้องซาวน่า และจากุซซี่ ล่าสุดโรงแรม The Sukhothai Bangkok ยังได้เปิดตัวสปาสุดพรีเมียมที่ชื่อว่า The Sukhothai Spa ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าโดยผู้เชี่ยวชาญในบรรยากาศสุดผ่อนคลาย ซึ่งเราเองได้ไปลองใช้บริการมาแล้ว และรู้สึกประทับใจจนต้องนำมาบอกต่อ
แต่ละส่วนของโรงแรม The Sukhothai Bangkok รวมถึง The Sukhothai Spa ที่เพิ่งเปิดให้บริการนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการตั้งชื่อรวมถึงการออกแบบสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในมาจาก “สุโขทัย” จังหวัดทางภาคเหนือตอนล่างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นราชธานีของสยาม จุดกำเนิดศิลปะ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ หากคุณเคยไปเยือนวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย แว้บแรกที่มองเห็นซุ้มประตูสีขาวของ The Sukhothai Spa คุ้นก็อาจจะรู้สึกคุ้นตา เพราะซุ้มประตูทางเข้านั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากด้านหน้าของมณฑปวัดศรีชุมที่สามารถมองเห็น “พระอจนะ” พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ภายใน ตัวอาคารของสปามีลักษณะเป็นหมู่เรือนไทย ชั้นล่างเป็นอาคารปูนสีขาวเช่นเดียวกับกำแพงและซุ้มประตู ชั้นบนเป็นเรือนไม้ หลังคามุงกระเบื้องโทนสีศิลาดลที่ออกแนวสีเขียวอมฟ้า หรือที่เรียกว่าเขียวไข่กา ซึ่งเป็นสีเอกลักษณ์ของเครื่องสังคโลกและกระเบื้องสุโขทัย แซมด้วยสีเขียวสดของไม้ต้น ไม้พุ่ม และไม้ดอก อีกทั้งด้านนอกยังมีสนามหญ้าขนาดใหญ่ ส่วนการตกแต่งภายในเน้นโทนสีเขียว เทา และงานไม้ จึงให้ความรู้สึกสบาย ผ่อนคลาย และอบอุ่น
สองข้างทางเดินเข้าตัวอาคารเป็นสระน้ำขนาดย่อมพร้อมที่นั่งเอ้าท์ดอร์ที่เหมาะสำหรับนั่งรับแดดอ่อนๆ ยามเช้า เมื่อเดินเข้าไปภายในตัวอาคารของ The Sukhothai Spa คุณจะได้นั่งพักในห้องรับรอง จากนั้นพนักงานต้อนรับจะเสิร์ฟชาดอกบัวผสมตะไคร้หอมเย็นสดชื่นระหว่างที่คุณกรอกข้อมูลคอนซัลท์ก่อนรับการนวดหรือทำทรีตเมนต์ ซึ่งจะเป็นการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นจุดประสงค์ในการเข้ารับทรีตเมนต์ เช่น นวดผ่อนคลาย นวดคลายปวด นวดกระตุ้นเอเนอร์จี้ ชอบน้ำหนักในการนวดระดับไหน เน้นนวดบริเวณไหน หรือบริเวณไหนห้ามนวด รวมถึงได้เลือกกลิ่นน้ำมันหอมระเหยที่จะใช้ในการทำทรีตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันลาเวนเดอร์สำหรับผู้ที่เน้นผ่อนคลาย น้ำมันลาเวนเดอร์ผสมเบอร์กามอทสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายพร้อมบูสต์ความสดชื่น และน้ำมันดอกกระดังงาผสมส้มแมนดารินที่เน้นช่วยกระตุ้นพลังงาน เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า ซึ่งเราก็เลือกเป็นน้ำมันลาเวนเดอร์ผสมเบอร์กามอท เพราะอยากได้ทั้งความผ่อนคลายและความสดชื่น
การนวดของที่นี่จะเรียกว่า “The Royal Remedies” มีด้วยกันทั้งหมด 4 คอร์ส ได้แก่ Dawn of Happiness เป็นทรีตเมนต์สครับผิวกายก่อนนวดและประคบสมุนไพร, The Sukhothai Journey เป็นการนวดและกดจุดสะท้อนเท้า, The Sukhothai Signature Massage เป็นการนวดอโรมาและนวดผ่อนคลาย และทรีตเมนต์สุดท้าย Nuad Thai Dry Bodywork เป็นการนวดแผนไทยเน้นการกดจุด ซึ่งทุกคอร์ส คุณสามารถเข้ารับบริการคนเดียว หรือจะมาเป็นคู่ก็ได้ ส่วนเราเลือกเป็น The Sukhothai Signature Massage เมื่อคอนซัลท์เรียบร้อยแล้ว เทอราปิสต์ก็พาเราขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องสำหรับนวดและทำทรีตเมนต์ที่กว้างขวางและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โซนห้องน้ำแยกห้องชาวเวอร์และห้องขับถ่ายเป็นสัดส่วน แต่ละห้องของที่นี่จะตั้งชื่อตามสายพันธุ์บัว เช่น ห้องจงกลนีที่พิเศษตรงมีห้องซาวน่าให้เลือกใช้บริการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการนวดได้ หรือหากใครอยากแช่อ่างจากุซซี่ก็สามารถแจ้งเพิ่มเติมได้เช่นกัน
หลังอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย การนวดก็เริ่มต้นขึ้น ซึ่งเทอราปิสต์ก็จะคอยสอบถามตลอดว่าเสียงเพลงดังไปหรือไม่ หรือน้ำหนักในการนวดเบาหรือหนักไปหรือเปล่า หากต้องการแบบไหน ก็สามารถแจ้งเทอราปิสต์ได้เลย The Sukhothai Signature Massage จะเป็นการนวดน้ำมันอโรมาทั่วร่างกายโดยอิงตามหลักระบบลมปราณของชาวตะวันออก เทคนิคการนวดจะใช้ทั้งการนวดกดจุดและรีดเส้น จุดประสงค์คือช่วยคลายเครียด ช่วยคลายกล้ามเนื้อ และเพิ่มความยืดหยุ่น แถมยังช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งเรารู้สึกว่าเหมาะมากสำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่หัดนวด หรืออย่างเราที่ไม่ใช่มือใหม่แต่ก็ค้นพบแล้วว่าตัวเองเหมาะกับการนวดฟีลผ่อนคลาย อโรมา ไม่ใช่สายนวดไทย
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เรารู้สึกชอบมากก็คือ เตียงนวดของที่นี่เป็นเตียงอุ่น ซึ่งความอุ่นของเตียง บวกกับฝีมือการนวดจากเทอราปิสต์มืออาชีพ กลิ่นน้ำมันนวดแสนผ่อนคลาย กลิ่นน้ำหอมจากดิสฟิวเซอร์ และดนตรีที่เปิดคลอๆ บอกเลยว่าสบายจบแทบเผลอหลับ หลังจากนวดตัวเสร็จแล้วก็เป็นการนวดศีรษะ ซึ่งก่อนนวด เทอราปิสต์ก็จะล้างมือ จึงไม่ต้องห่วงเรื่องความสะอาด นวดศีรษะเสร็จก็ยืดเส้นในท่านั่งอีกรอบเป็นการจบคอร์ส ใครอยากอาบน้ำชำระร่างกายก็ได้ แต่เราแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเฉยๆ เพราะเทอราปิสต์แจ้งว่าน้ำมันนวดจะค่อยๆ ซึมเข้าผิวและช่วยให้รู้สึกชุ่มชื้นได้อีกประมาณ 2 ชั่วโมงหลังนวด เปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยก็กลับลงไปที่ห้องรับรองเพื่อนั่งพัก จิบชาร้อน และรับประทานผลไม้ฤทธิ์เย็นแสนสดชื่น หรือหากคุณสนใจผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในสปา เช่น ชา สครับ ครีมบำรุงผิว ก็สามารถเลือกช้อปกลับไปใช้ที่บ้านได้เช่นกัน
The Sukhothai Spa ไม่ได้มีเพียงแค่คอร์สนวด แต่ยังมี Pedi:Mani:Cure Studio BY Bastien Gonzalez ที่ให้บริการดูแลแค่เล็บมือเล็บเท้า รวมถึงมีทรีตเมนต์สำหรับแขนขา มือและเท้าด้วย บริการของที่นี่ไม่ได้เน้นแค่ด้านความงาม เช่น ทาสีเล็บ ตัดแต่งเล็บ สครับ แต่ยังยังมีบริการเฉพาะทาง เช่น การดูแลเล็บขบ โดยผู้เชี่ยวชาญ ที่คุณมั่นใจได้เลยเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยและความสะอาด หรือคุณพ่อคุณแม่จะพาลูกรักมาเข้ารับบริการด้วยกันก็ได้ เพราะที่นี่ก็มีทรีตเมนต์ดูแลเล็บมือเล็บเท้าสำหรับเด็กด้วย และยังไม่หมดแค่นั้น เพราะ The Sukhothai Spa ยังมีบริการอื่นๆ ที่สายรักสุขภาพกายและสุขภาพใจควรมาสัมผัสสักครั้ง เช่น การทำซาวด์บาธหรือการอาบคลื่นเสียง คอร์สโยคะพร้อมชมวิวสวยเขียวขจี คอร์สพิลาทิส คลาสฝึกสมาธิ และที่เราว่าหาไม่ได้ง่ายๆ จากที่ไหนก็คือ ฮัมมัมหรือสปาสไตล์ตุรกี
ทั้งนี้ The Sukhothai Spa ยังเปิดให้บริการในรูปแบบซอฟต์โอเพนนิ่งไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคมศกนี้ หากคุณสนใจเข้ารับบริการไหนสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ทุกช่องทางของ The Sukhothai Spa บอกเลยว่าในช่วงซอฟต์โอเพนนิ่งนี้มีโปรโมชันพิเศษด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง: First Dior Spa in Southeast Asia Premieres on Eastern & Oriental Express
Integrative wellness goes premium luxury at the five-star property on South Sathon.
Words: Netnapha Pawakhung Photo: The Sukhothai Spa
South Sathon Road, a main artery of one of Bangkok’s most important business districts, is lined with office towers, embassies and exclusive properties. One of these is The Sukhothai Bangkok, a luxury hotel often compared to an urban oasis. Here, the serene atmosphere and lush landscape can easily make visitors forget that they are in busy South Sathon. Long known for lavish amenities, including seven restaurants and bars, a giant swimming pool, a fitness studio with steam and sauna rooms and jacuzzi, the hotel recently launched its own spa catering to those who seek top-to-toe professional care in a relaxing atmosphere. Having tried the spa’s impressive services, I would like to share my experience with you.
Every component of The Sukhothai Bangkok, including The Sukhothai Spa, draws architectural and naming inspiration from the Thai province of the same name, a former capital of the Siamese Kingdom and the birthplace of Sukhothai art, culture and architecture.
If you have been to Sukhothai’s famed Wat Srichum, the white arched entrance of The Sukhothai Spa will look familiar from the first glance. It’s inspired by the façade of the temple’s mandapa, through which visitors can glimpse Phra Achana, the imposing Buddha image housed within. The spa is situated in a Thai-style house, the ground floor of which is brick and mortar painted white like the wall and entrance leading to it. The top floor is made of wood, topped by a celadon-green tile roof, another nod to Sukhothai, a production hub of Sangkhalok pottery and Sukhothai tiles. The lush hues of trees, shrubs, flowering ornamental plants and large front lawn provide a visual contrast to the muted architectural palette. The interior is dominated by green, gray and wood, creating a warm, soothing and relaxing ambience.
The walkway to the spa building is flanked by small ponds with outdoor seating, perfect for sitting out basking in the gentle morning sun. Upon entering the spa, you will be led to the reception room, where staff will shortly bring you refreshing lotus and lemongrass tea as you fill in the consultation questionnaire. Through this questionnaire, the spa gathers preliminary information about you, including your purpose for seeking treatment (relaxation, pain relief or energy stimulation), your pressure preferences, spots that need special attention, and your choice of massage oil (lavender for relaxation, lavender/bergamot blend for relaxation and refreshment, ylang ylang/mandarin orange blend for energy boost and stimulation). Desiring both relaxation and refreshment, I chose the lavender/bergamot blend.
The Sukhothai Spa’s massage treatment menu, titled “The Royal Remedies,” features 4 courses. Dawn of Happiness includes body scrub, massage and herbal compress/poultice. The Sukhothai Journey integrates body massage with foot reflexology, while The Sukhothai Signature Massage offers a blend of soothing and invigorating massage techniques. Nuad Thai Dry Bodywork utilizes a combination of bodywork techniques to stimulate energy flow and improve flexibility. Every course is available as a single or couple massage. Following the preliminary consultation, I decided on The Sukhothai Signature Massage. A therapist led me upstairs to the second floor, where all the massage and treatment rooms are located. A gentle fragrance filled the air, inducing a feeling of calm and relaxation. The bathroom area has separate shower and toilet enclosures, and treatment rooms are named after lotuses and water lilies. The Chongkolni Room, I found, offers an extra feature: a sauna. If you would like a soak in a jacuzzi tub after your treatment, it too is available upon request.
After a shower, I was ready for my massage. The therapist solicitously asked if the music was too loud for me and whether she was applying too little or too much pressure. Whatever your preferences, just let your therapist know. The Sukhothai Signature Massage, a whole-body aromatherapy massage based on the Eastern prana system, uses a combination of kneading and stretching to alleviate stress, relax muscles and enhance flexibility. The massage also leaves your skin well-moisturized. It’s an ideal option for both massage newbies and people like me, who aren’t new to massage but prefer soothing aromatherapy options to Thai-style massage therapy.
Another feature I loved was the warm massage bed. The sensation of warmth from the bed, combined with the therapist’s skill, the soothing scent of the massage oil, aroma from the diffuser and the soft music was so comforting that I almost fell asleep. After the body massage, a head massage followed, the therapist having washed her hands before starting on my head. The treatment ended with stretching in a seated position. You can take a shower after your massage, but I chose not to because my therapist had told me that my skin would continue to absorb the massage oil for another two hours. Having changed back into my clothes, I returned to the reception room to rest and enjoy a cup of hot tea and refreshing, cooling fruit. The spa offers a selection of products it uses, from tea to scrub to body cream. If you enjoy them during your visit, you can purchase them for home use at the spa boutique.
Services at The Sukhothai Spa aren’t limited to spa treatments. The Pedi:Mani:Cure Studio BY Bastien Gonzalez, conveniently located under the same roof, offers pedicure, manicure and treatments for arms, legs, hands and feet. In addition to exfoliating scrub, nail care and color polish, the salon provides treatment for ingrown toenail, carried out by professionals under safe and hygienic treatment protocols. Clients with children can bring their little ones along for nail care, as the salon also offers pedicure and manicure for children. The Sukhothai Spa’s services include many other wellness and healing options, from sound bath to yoga, Pilates, meditation classes and even Turkish bath (hamam), a rare luxury in Thailand.
The Sukhothai Spa will remain in soft opening mode until October 31. Special promotions will be available throughout this period. Inquiries can be made through any of the spa’s communication channels.
See also: First Dior Spa in Southeast Asia Premieres on Eastern & Oriental Express
