Gucci Visions นิทรรศการรูปแบบอิมเมอร์ซีฟครั้งแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ กรุงเทพฯ
บทความ: LuxuoTH
แฟนตัวยงของลักชัวรีแบรนด์คงพลาดไม่ได้กับ Gucci Visions นิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของ Gucci ที่มีอายุยาวนานกว่า 103 ปี เป็นการย้อนรำลึกถึงผลงานการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์ไอคอนิกของแบรนด์ รวมไปถึงเป็นการตอกย้ำความสามารถอันเปี่ยมพรสวรรค์ของเหล่าครีเอทีฟไดเร็กเตอร์และช่างฝีมือที่สั่งสมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สำหรับนิทรรศการในครั้งนี้จะนำพาผู้ชมเข้าสู่การเดินทางอันตื่นตาตื่นใจไปกับไอเดียสร้างสรรค์ในแต่ละช่วงทศวรรษ พร้อมด้วยผลงานช่างฝีมืออันเป็นต้นแบบที่เป็นหัวใจสำคัญของ Gucci ผ่านห้องจัดแสดงทั้ง 6 ห้อง ที่แบ่งตามธีมที่ผ่านการคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันและนำเสนอแง่มุมที่หลากหลาย ผ่านผลงานชิ้นต่างๆ ตั้งแต่กระเป๋าเดินทางอันเป็นจุดเริ่มต้นก่อให้เกิดแบรนด์ ไปจนถึงเสื้อผ้าอันงดงามวิจิตรบรรจง
ห้อง Flora
เป็นห้องถ่ายทอดลวดลายอันเป็นไอคอนิกของแบรนด์ที่เริ่มต้นขึ้นจากจินตนาการของวิตโตริโอ อกอร์เนโร เด เทสต้า ผู้เป็นทั้งศิลปิน นักออกแบบฉาก และนักวาดภาพประกอบชาวอิตาลีประจำแบรนด์ Gucci ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 โดยปรากฎลวดลาย Flora เป็นครั้งแรกบนผ้าพันคอที่ทอขึ้นจากผ้าไหม ด้วยลวดลายที่มีความเป็นธรรมชาติละเมียดละไม จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจสำหรับแบรนด์ Gucci เสมอมา สืบเนื่องต่อมาหลายปีที่ลวดลาย Flora อันเปี่ยมเสน่ห์ชวนหลงใหลนี้ได้ถูกตีความครั้งใหม่ลงบนผลงานคอลเลกชันเครื่องแต่งกายเรดี้ทูแวร์ กระเป๋าถือ แอคเซสซอรี เครื่องประดับ รวมไปถึงน้ำหอม Gucci eau de parfum อันเป็นเอกลักษณ์ และจวบจนทุกวันนี้ลวดลาย Floral ก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ประจำ Gucci ที่เปี่ยมไปด้วยความหลงใหลในธรรมชาติและยังเปรียบได้กับการผลิบานไม่รู้จบของความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่หยุดนิ่ง
ห้อง Bamboo
อีกหนึ่งความโดดเด่นของ Gucci คือเรื่องความเชี่ยวชาญด้านงานช่างฝีมือ ห้องนี้จึงนำเสนอกระเป๋าถือ Gucci Bamboo 1947 ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของแบรนด์ อันได้แรงบันดาลใจต่อเนื่องมาจากความชื่นชอบในตัวไม้เท้าของวาสโก กุชชี่ บุตรชายคนที่ห้าของกุชชิโอ กุชชี่ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ หลังจากผ่านการทดลองสร้างสรรค์หลายต่อหลายครั้ง ในที่สุด วัสดุไม้ไผ่ก็ถูกขึ้นรูปเป็นที่จับของกระเป๋ารูปทรงอานม้า และในปี ค.ศ. 1947 ไม้ไผ่จึงถูกนำมาใช้ในสตูดิโอเวิร์คช็อปของ Gucci โดยผ่านการดัดขึ้นรูปด้วยเปลวไฟให้ได้ที่จับกระเป๋ารูปทรงโค้งได้สัดส่วนพร้อมลงเคลือบเงา ทำให้ที่จับกระเป๋ามีเฉดสีและรูปทรงที่มีความเฉพาะตัวในแต่ละชิ้นด้วยผลงานการออกแบบที่ทันสมัยทำให้ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วจากเหล่าดารานักแสดงชั้นนำของฮอลลีวูดและกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งงานช่างฝีมือประจำ Gucci ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และยังคงปรับโฉมไปตามบริบทของความสร้างสรรค์และยุคสมัยอยู่
ห้อง Travel
Gucci สร้างความสนุกของนิทรรศการด้วยการการเล่าเรื่องแบบไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ เพราะห้องนี้ถึงแม้จะเป็นห้องที่สาม แต่กลับเป็นห้องที่เล่าถึงจุดกำเนิดของ Gucci ผ่านผลงานกระเป๋าถือและกระเป๋าเดินทาง อันเป็นบทแรกและบทสำคัญของ Gucci ที่ถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1921 ห้องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากมุมมองของกุชชิโอ กุชชี่ ที่นำความรู้ ความทุ่มเท และประสบการณ์เมื่อครั้งวัยเยาว์ที่เขาเคยเป็นพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม The Savoy อันเป็นหนึ่งในโรงแรมที่หรูหราที่สุด สู่การสร้างสรรค์งานช่างฝีมือเครื่องหนัง และตัดสินใจวางรากฐานให้กับแบรนด์ Gucci ในที่สุด
ห้อง Icons
ห้อง Icons ได้มีการจัดแสดงกระเป๋าไอคอนิกจาก Gucci ทั้งสามรุ่นด้วยแบบที่หลากหลายกว่า 200 ใบ ซึ่งจัดเรียงไว้บนชั้นที่ทำจากกระจกสะท้อนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดของ Gucci ทั้งเป็นการระลึกถึงกระเป๋าถือ Bamboo 1947, Horsebit 1955 และ Jackie 1961 ซึ่งถือเป็นตัวแทนของงานออกแบบสุดไอคอนิกของ Gucci ด้วยภาพลักษณ์อันโดดเด่นด้านแนวคิดสร้างสรรค์และงานช่างฝีมืออันประณีตของ Gucci อันเป็นเรื่องราวเปี่ยมเอกลักษณ์ที่ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณแห่งห้วงเวลา
ห้อง Stars
เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์อันยาวนานของ Gucci กับบุคคลสำคัญ เซเลบริตี้ และอินฟลูเอนเซอร์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมในด้านต่างๆ มากว่าศตวรรษ สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้ทรงอิทธิพลในยุคต่างๆ รวมถึงภาพวิวัฒนาการของวัฒนธรรมเซเลบริตี้ได้เป็นอย่างดี ความพิเศษในส่วนจัดแสดงของห้องนี้ คือ มีการนำเอากระจกและจอภาพดิจิทัลมาใช้ในการสร้างสรรค์ประสบการณ์อันตื่นตาตื่นใจ เพื่อช่วยเสริมให้เครื่องแต่งกายที่ถูกกล่าวขานผ่านการคัดสรรให้มาจัดแสดงในครั้งนี้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
ห้อง Fashion
ห้องสุดท้ายถูกจัดแสดงภายใต้ธีม Fashion เป็นการจัดแสดงลุคต่างๆ ในแต่ละทศวรรษที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน โดยหยิบยกมาจากผลงานเก็บสะสมที่ผ่านมาของแบรนด์จาก Gucci Archive ซึ่งเก็บรักษาไว้ที่ปราสาท Palazzo Settimanni ในเมืองฟลอเรนซ์ ผลงานเหล่านี้นับเป็นขุมทรัพย์อันล้ำค่าสำหรับเหล่าครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ Gucci ที่ไม่เพียงจะช่วยมอบแรงบันดาลใจ แต่ยังเป็นพื้นที่สำหรับส่งต่อเรื่องราวของงานออกแบบในช่วงเวลานั้นๆ ไปสู่เจเนอเรชันที่หลากหลาย ทั้งยังเป็นพื้นที่ที่อัดแน่นไปด้วยรหัสสัญลักษณ์อันโดดเด่นของ Gucci ที่ได้ถือกำเนิดขึ้นและถูกหยิบยกกลับมาตีความใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เปี่ยมไปด้วยวิสัยทัศน์แห่งคุณภาพ ความงาม และผลงานช่างฝีมืออันประณีตที่จะยังคงอยู่ตลอดไป
นิทรรศการ Gucci Visions ในประเทศไทยจะเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน ไปจนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม ปีนี้ ณ EM Glass บริเวณชั้น G อาคาร EM Tower ศูนย์การค้า Emsphere สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมนิทรรศการ Gucci Visions สามารถสำรองการเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ของ Gucci
บทความที่เกี่ยวข้อง: “Sleeping Beauties: Reawakening Fashion” Exhibition at The Met until 2 September