Five French Brands in Daily Life

Share this article

ทำความรู้จักกับ 5 แบรนด์ฝรั่งเศสระดับโลกที่อยู่ในชีวิตประจำวัน
บทความ: LuxuoTH ภาพเปิด: Peugeot

หากพูดถึงแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน เป็นต้นแบบของสิ่งประดิษฐ์หรือนวัตกรรมล้ำๆ ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ และโด่งดังระดับโลก เราว่าฝรั่งเศสเองก็มีแบรนด์ที่เข้าข่ายนี้ไม่น้อย และหลายๆ แบรนด์ก็เป็นแบรนด์ที่คุณคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน หรือเคยได้ยินชื่ออยู่บ่อยๆ เพียงแค่อาจไม่ทราบว่า แบรนด์นั้นๆ มีจุดกำเนิดจากฝรั่งเศส เช่น Airbus แบรนด์ผู้ผลิตเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่หนึ่งในสองรายใหญ่ของโลก ที่มีบทบาทสำคัญไม่เพียงแค่การผลิตเครื่องบินแต่ยังรวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ในการบิน ซึ่งเราว่าที่มา การดำเนินงาน และความสำเร็จของ Airbus รวมถึงแบรนด์ฝรั่งเศสอีก 4 แบรนด์ที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้นั้นมีความน่าสนใจไม่น้อย เพราะแต่ละแบรนด์ต่างก็สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ทำให้แบรนด์สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกได้

Airbus
เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สายการบินใช้ในปัจจุบันมักจะเป็นเครื่องบินของผู้ผลิตเพียงแค่สองรายใหญ่ในโลก และหนึ่งในนั้นก็คือ Airbus ซึ่งเกิดมาเพื่อแข่งกับยักษ์ใหญ่อีกรายที่เป็นสัญชาติอเมริกัน โดยที่หุ้นของ Airbus เองนั้นไม่ได้เป็นของฝรั่งเศส 100% ก็จริง แต่ว่ามีสำนักงานใหญ่และโรงงานหลักตั้งอยู่ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส

Airbus เริ่มขายเครื่องบินให้กับสายการบินในแถบยุโรปในยุคทศวรรษที่ 1970 ก่อนที่จะขยายความนิยมไปถึงสายการบินที่อยู่ในทวีปอื่นๆ ของโลก เครื่องบินโดยสารของ Airbus ที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นที่สุดก็คือรุ่น A380 เพราะเป็นเครื่องบินที่มีสองชั้นตลอดลำตัวของเครื่องบินซึ่งทำให้สายการบินสามารถให้บริการผู้โดยสารจำนวนมากได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งยังเปิดโอกาสให้สายการบินเลือกจัดการที่นั่งระดับเฟิร์สท์คลาสและบิสซิเนสคลาสบริเวณชั้นบนของเครื่องได้อย่างสร้างสรรค์ที่สุดด้วย อย่างที่เราเห็นจากสายการบินอย่างเช่น Emirates, Qatar และ Singapore Airlines

สำหรับสายการบินอื่นๆ อย่างเช่นการบินไทยของเรานั้นทุกวันนี้ก็นิยมใช้ Airbus A350 ซึ่งเป็นเครื่องสมัยใหม่กว่าและออกแบบมาสำหรับการบินระยะไกลอย่างเช่นเส้นทางจากกรุงเทพไปมิวนิคและออสโล และที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างยิ่งของสายการบินในแถบยุโรปก็คือ Airbus A320neo ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าและเหมาะสำหรับเส้นทางระยะใกล้จนถึงระยะกลาง

(ภาพ: Shutterstock)

Accor S.A.
คุณรู้หรือไม่ว่า โรงแรมเครือชื่อดังในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Sofitel, Pullman, Mövenpick, Novotel, ibis, Banyan Tree และอื่นๆ อีกมากมายนั้นอยู่ภายใต้การบริหารของ Accor S.A. เครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสและยุโรป และเก่าแก่ที่สุดเครือหนึ่งของโลก ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เขตอิซิ-เล-มูลิโน บริเวณชานเมืองของกรุงปารีส

ประวัติศาสตร์ของ Accor S.A. เริ่มต้นในปี ค.ศ. 1967 เมื่อปอล ดูบรูล และ เจรารด์ เปอลิซง ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท SIEH และเปิดโรงแรมแห่งแรก คือ Novotel ที่เมืองลีล ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส ถือเป็นต้นแบบของโรงแรมเครือที่มีบริการแบบครบวงจรและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องน้ำส่วนตัว, รูมเซอร์วิส, สระว่ายน้ำ เป็นต้น ก่อนจะเกิดแบรนด์ Ibis, Mercure, Sofitel และร้านอาหาร Courtepaille ตามมา จากนั้นในปี ค.ศ. 1983 บริษัท SIEH ก็ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท Jacques Borel International กลายเป็น Accor S.A. ซึ่งคำว่า “Accor” ในภาษาฝรั่งเศสก็คือ “Accord” ที่แปลว่า ข้อตกลง หรือการตกลงร่วมกัน นั่นเอง

ปัจจุบัน ธุรกิจในเครือ Accor S.A. กระจายอยู่ใน 100 กว่าประเทศทั่วโลก แบรนด์โรงแรมในเครือมีตั้งแต่ระดับราคาประหยัด ระดับพรีเมียม ระดับลักชัวรี ไปจนถึงอัลตราลักชัวรี โดยแต่ละแบรนด์ต่างก็มีคาแรกเตอร์หรือจุดเด่นที่ชัดเจน เช่น M Gallery แบรนด์ที่บูทีคที่สุดในเครือ, Raffles Hotels โรงแรมที่อัลตราลักชัวรีที่สุดในเครือ หรือ So ที่มาพร้อมความลักชัวรีและทันสมัย

(ภาพ: So/ Bangkok)

Breguet
คุณอาจรู้สึกแปลกใจถ้าเราพูดว่าแบรนด์นาฬิกาสวิสเมด Breguet ที่จริงแล้วมีจุดกำเนิดในประเทศฝรั่งเศสและมีเรื่องราวที่ผูกพันอยู่กับฝรั่งเศสมากกว่าสวิตเซอร์แลนด์ เพราะถึงแม้ว่าอับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์จะเป็นคนสวิสโดยกำเนิด แต่เขาเดินทางมาร่ำเรียนวิชาการประดิษฐ์นาฬิกา จนกระทั่งก่อตั้งธุรกิจนาฬิกาขึ้นที่ปารีสในปี ค.ศ. 1775 นวัตกรรมที่โดดเด่นที่สุดของนาฬิกา Breguet ในยุคสมัยนั้นก็คือกลไกตูร์บิยองที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อยกระดับความเที่ยงตรงของนาฬิกาพกในสมัยนั้น และในช่วงท้ายของชีวิตเขายังได้รับความไว้วางใจให้ผลิตนาฬิกามารีนโครโนมิเตอร์ให้กับกองทัพเรือของฝรั่งเศสเพื่อใช้ประกอบการนำทางด้วยดวงดาว

ทุกวันนี้หากคุณไปเยือนบูติคของ Breguet ที่จัตุรัสปลาส ว็องโดมของปารีสก็จะได้พบกับผลงานในประวัติศาสตร์ดังกล่าวอยู่บนชั้น 2 ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมๆ ของทางแบรนด์เอง และแม้ว่าบริษัท Breguet ในปัจจุบันจะมีสัญชาติสวิสไปแล้วและมีการย้ายโรงงานมาตั้งอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์อย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี ค.ศ. 1976 แต่ก็ยังมีการอ้างอิงถึงอดีตยุคฝรั่งเศสของแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งมีการเปิดตัวนาฬิกา Classique Double Tourbillon “Quai de l’Horloge” 5345 ซึ่งตั้งชื่อตามถนนที่ตั้งเวิร์คช็อปแห่งแรกของ Breguet เราจะเห็นภาพมุมสูงของตัวอาคารริมแม่น้ำแซนและสะพานปงต์เนิฟได้ผ่านทางลวดลายที่แกะสลักไว้ทางด้านหลังของเครื่องนาฬิกา

(ภาพ: Breguet)

Peugeot
ผู้ผลิตยานยนต์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอย่าง Peugeot ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1810 โดยสองพี่น้อง ฌอง-ปิแอร์ และฌอง-เฟเดริก เปอโยต์ กิจการแรกเริ่มไม่ใช่การผลิตยานยนต์ แต่เป็นอุตสาหกรรมเหล็กและผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง อาทิ ใบเลื่อยเหล็ก, เครื่องบดเมล็ดกาแฟ ที่ทำให้เกิดโลโก้แรกของ Peugeot อย่างรูปสิงโตเหยียบลูกศร ซึ่งสื่อถึงความรวดเร็ว ความแข็งแกร่ง และความยืดหยุ่นของใบเลื่อย

อาร์มองด์ เปอโยต์ หลานของฌอง-ปิแอร์ ชื่นชอบกลไกยานพาหนะและผลักดันให้เกิดแบรนด์ในเครืออย่าง Circa 1880 ที่ผลิตจักรยานล้อสูง ก่อนจะพัฒนาจนผลิตรถสามล้อพลังงานไอน้ำคันแรกได้สำเร็จ และต่อยอดไปสู่การผลิตรถแบบมีเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และเกียร์ได้ในปี ค.ศ. 1890 ผ่านไปเพียง 6 ปี Peugeot ก็สามารถผลิตเครื่องยนต์เองได้ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ส่วนด้านดีไซน์ Peugeot โดดเด่นไม่แพ้ใคร เพราะรถรุ่น Type 69 และ Type BP1 หรือ “เบเบ้ (Bébé)” ของแบรนด์ถือว่าฉีกจากดีไซน์เดิมๆ ของรถยนต์ในยุคนั้น และเป็นการจุดประกายให้วงการยานยนต์หันมาใส่ใจด้านดีไซน์มากขึ้น

รถยนต์จาก Peugeot สามารถคว้ารางวัลทั้งด้านการออกแบบและนวัตกรรมยานยนต์ได้มากมาย เช่น รางวัล European Car of the Year 2020 สำหรับรุ่น 208, รางวัล Women’s World Car Of The Year สำหรับรุ่น 308, รางวัล Product Design จาก Red Dot Design Award 2020 สำหรับรุ่น 2008 Peugeot บริหารงานภายใต้ชื่อบริษัท Stellantis นอกจากจะมีรถยนต์น้ำมันแล้วก็ยังมีรถยนต์ไฟฟ้าด้วย

(ภาพ: Peugeot)

Tefal
หากคุณลองมองสำรวจภายในบ้าน ก็อาจพบผลิตภัณฑ์จาก Tefal อย่างน้อยหนึ่งชิ้น เพราะ Tefal เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กระดับโลกที่มีผลิตภัณฑ์นานาชนิด โดยเฉพาะไอคอนิกพีซอย่างกระทะที่มาพร้อมสัญลักษณ์วงกลมสีแดงและคุณสมบัติเคลือบกันติด

จุดเริ่มต้นของกระทะ Tefal ต้องย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1954 เมื่อมาร์ก เกรกัวร์ วิศวกรชาวฝรั่งเศสบังเอิญค้นพบพอลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน หรือพีทีเอฟอี สารพิเศษที่มีความลื่นสูง มีคุณสมบัติไม่เกาะติด ทนความร้อนความเย็น กรดด่าง และการกัดกร่อนได้ดี ขณะประดิษฐ์คันเบ็ดไฟเบอร์ จึงพัฒนาต่อและนำไปเคลือบกระทะอลูมิเนียม จนได้กระทะเคลือบกันติดใบแรก และยื่นจดสิทธิบัตร “กระทะกันติด” ภายในปีเดียวกัน

จากนั้นในปี ค.ศ. 1956 เขาก็ตัดสินใจเปิดโรงงานและก่อตั้งบริษัท Tefal ขึ้นที่เมืองซาร์กเซลส์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้ส่งไปจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา ยิ่งพอมีภาพแจ็กเกอลีน เคนเนดี้ ถือกระทะ Tefal ลงหนังสือพิมพ์ก็ยิ่งทำให้แบรนด์โด่งดังในระดับสากล จนเมื่อปี ค.ศ. 1968 บริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กระดับโลกอย่าง SEB หรือที่เปลี่ยนชื่อเป็น Groupe SEB ได้เข้าซื้อกิจการ Tefal ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน Tefal จึงมีทั้งเครื่องปั่นอาหาร เตารีดไอน้ำ หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องดูดฝุ่น เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล และอื่นๆ ตามคอนเซปต์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตภายในบ้านอย่างเรียบง่ายและมีความสุข

(ภาพ: Tefal)

บทความที่เกี่ยวข้อง: Five Iconic Italian Brands to Know

Get Exclusive Connections with LUXUO Thailand
Join us today
Connect!
Close
Join us for exclusive access to Luxuo Thailand's contents and events
Subscribe
close-image