AWC เปิดตัว Nobu ที่สูงที่สุดในโลกที่ EA Rooftop at The Empire จุดหมายปลายทางด้านไลฟ์สไตล์อาหารและเครื่องดื่มแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพมหานคร
บทความ: ลภีพันธ์ โชติจินดา ภาพ: Asset World Corporation
โครงการ EA Rooftop at The Empire หรือ เอ-ญ่า รูฟทอป แอท ดิ เอ็มไพร์ โดย Asset World Corporation หรือ AWC ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่มุ่งเน้นตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรจับมือกับ Nobu Hospitality นำแบรนด์ Nobu ห้องอาหารญี่ปุ่นระดับโลกที่ผสมผสานเทคนิคแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเข้ากับรสชาติแบบเปรูมีสาขาอยู่ทั่วทุกมุมโลกเปิดตัว Nobu Bangkok ที่จะมาเสริมทัพศูนย์รวมการใช้ชีวิตยุคใหม่ที่หรูหราเหนืออาคาร The Empire บนถนนสาทรอันเป็นย่านยุทธศาสตร์ใจกลางพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานครภายใต้แนวคิด “Celebrating The World’s Newest Horizon” โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะสร้างมิติใหม่ให้กับวงการอาหารและการท่องเที่ยวของไทยและสนับสนุนให้กรุงเทพฯ กลายเป็นศูนย์กลางด้านอาหารและการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก
EA Rooftop at The Empire จัดได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ล่าสุดสำหรับผู้ที่หลงใหลในอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องการไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างและประสบการณ์การดื่มและรับประทานอาหารที่หลากหลายเหนือระดับ EA Rooftop at The Empire ตั้งอยู่บนชั้น 55 จนถึงชั้น 60 รูฟทอปของอาคาร The Empire กินพื้นที่รวมกว่า 10,000 ตารางเมตร ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านอาหารระดับเวิล์ดคลาส ร้านอาหารระดับดาวมิชลิน และคาเฟ่ระดับท๊อปที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดใจกลางมหานครแห่งนี้ พร้อมด้วยทัศนียภาพอันงดงามของกรุงเทพฯ ทั้งกลางวันและกลางคืนแบบ 360 องศา
โดยชั้น 55 คือ EA Gallery ที่นำเสนอความหลากหลายของอาหาร เครื่องดื่ม และความบันเทิงพร้อมด้วยวิวของกรุงเทพฯ จากมุมสูง ประกอบไปด้วยคาเฟ่สุดชิคอย่าง % Arabica ร้านอาหารเช้าสไตล์ตะวันออกร่วมสมัย 手 qraft Flagship Restaurant ร้านอาหารเกาหลี Onggi Bangkok และ Invitation Only Speakeasy Bar บาร์ที่จะให้คุณได้ผ่อนคลายและดื่มด่ำไปกับดนตรีและเครื่องดื่มท่ามกลางแสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน
สำหรับชั้น 56 ของ The Empire จะเป็นที่ตั้งของ EA Chef’s Table ที่ประกอบไปด้วย 3 ห้องอาหาร 3 สัญชาติ จาก 3 เชฟระดับดาวมิชลิน ได้แก่ ห้องอาหาร Le Du Kaan โดยเชฟต้น ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ที่จะมานำเสนอเมนูที่ผสมผสานอาหารไทยร่วมสมัยเข้ากับศิลปะการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิง ห้องอาหาร K by Vicky Cheng ห้องอาหารจีนร่วมสมัยสาขาแรกในต่างแดนของเชฟวิคกี้ เชง และห้องอาหาร Sartoria by Paulo Airaudo (ซึ่งจะเปิดในไตรมาสสี่นี้) ที่นำเสนอนิยามใหม่ของเมนูอาหารอิตาเลียนคลาสสิกร่วมสมัยที่ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยเชฟเปาโล อายราวโด
ส่วนชั้น 57 จนถึงชั้นรูฟทอปของ The Empire รวมพื้นที่ 3,185 ตารางเมตรจะเป็นที่ตั้งของ Nobu Bangkok ซึ่งจะเป็นห้องอาหาร Nobu ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก ออกแบบโดย Rockwell Group บริษัทสถาปัตยกรรมและการออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติจากเมืองนิวยอร์ก โดยนำเอาภูมิทัศน์และธรรมชาติที่แตกต่างกันของประเทศไทย ได้แก่ เมือง แม่น้ำ และภูเขามาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ภายในร้านอาหารประดับตกแต่งด้วยเทคนิคลายเส้นงานฝีมือของศิลปะไทยมาผสมผสานเข้ากับศาสตร์ศิลปะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ทุกรายละเอียดได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความหรูหราและยกระดับประสบการณ์การรับประทานอาหารให้เป็นที่น่าจดจำ สะท้อนแก่นแท้ของวัฒนธรรมอันมีชีวิตชีวาของกรุงเทพฯ และจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมด้านอาหารของ Nobu ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
บริเวณชั้น 57 ของ Nobu Bangkok จะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวทุกโต๊ะ ได้รับแรงบันดาลใจจากห้องน้ำชาแบบญี่ปุ่นและไทย ขณะที่ชั้น 58 โดดเด่นด้วยซูชิบาร์ออนิกซ์เรืองแสงและเพดานกระจกเพิ่มมิติและความทันสมัยให้บรรยากาศของพื้นที่ สำหรับ Nobu Rooftop Bar คุณสามารถสัมผัสวิวกรุงเทพฯ ได้แบบ 360 องศา โดดเด่นด้วยสระแบบอินฟินิตี้ ซุ้มประตูโค้งขนาดใหญ่ และบาร์รูปทรงบูมเมอแรง
โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมาได้มีพิธิเปิดห้องอาหาร Nobu Bangkok อย่างยิ่งใหญ่และเป็นทางการ โดยมีคุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่และคณะผู้บริหารบริษัท Asset World Corporation เชฟ โนบุ มัตสึฮิสะ (Nobu Matsuhisa) ผู้ร่วมก่อตั้ง Nobu และผู้บริหาร Nobu Hospitality ร่วมกันทำพิธีทุบถังสาเกบน Nobu Bangkok Rooftop Bar ท่ามกลางวิวกรุงเทพฯ เพื่อฉลองเปิดห้องอาหาร Nobu ที่ใหญ่ที่สุดและสูงที่สุดในโลก
พบกับรสชาติอาหารญี่ปุ่นในสไตล์ของเชฟโนบุกับเมนูซิกเนเจอร์มากมาย อาทิ ปลาแบล็คค้อด มิโซ (Black Cod Miso) หรือปลาหางเหลืองกับพริกฮาลาเปญโญ (Yellowtail Jalapeño) และ โทโร่ทาร์ทาร์ (Toro Tartare) และสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารเหนือระดับของ Nobu Bangkok ได้แล้ววันนี้ โดยห้องอาหารจะเปิดให้บริการเฉพาะมื้อเย็นตั้งแต่เวลา 17.30 น. – 22.30 น. (ในไตรมาสที่สี่จะเปิดให้บริการมื้อกลางวันด้วย) ส่วนบาร์จะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 17.30 – 01.00 น. สามารถสำรองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่เว็บไซท์ของทางร้านโดยตรง
บทความที่เกี่ยวข้อง: The Sühring Chefs on German Fine Dining and Swiss Haute Horlogerie