นอกจากที่นาฬิกา Rolex จะมีบทบาทโลดแล่นอยู่บนข้อมือของตัวละครระดับตำนานมากมายแล้ว ปัจจุบันตัวแบรนด์ Rolex เองยังมีบทบาทสำคัญในวงการภาพยนตร์ด้วยผ่านทางการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ
บทความ: แอนเดรียส อาร์พาน ภาพ: Rolex
เป็นเวลานานกว่าหนึ่งศตวรรษที่ Rolex นั้นเคียงข้างนักสำรวจและผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมายทั่วโลก ทุกวันนี้เราสามารถเห็น Rolex ได้ตามการแข่งขันกีฬาอันทรงเกียรติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกอล์ฟ การแข่งเรือ เทนนิส การแข่งรถ และการแข่งขันขี่ม้าต่างๆ ในขณะเดียวกัน Rolex ก็ยังให้การสนับสนุนต่างๆ แก่แวดวงศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์และการสำรวจโลกอีกด้วย
หนึ่งในความร่วมมือหลักที่อยู่ในกรอบของศิลปะและวัฒนธรรมก็คือโลกแห่งภาพยนตร์ ซึ่งทั้ง Rolex และวงการภาพยนตร์ต่างก็มีวิสัยทัศน์ร่วมกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือการสร้างผลงานชิ้นเอกระดับมาสเตอร์พีซ ทางฝั่ง Rolex นั้นก็จะเป็นเรือนเวลาที่เที่ยงตรงเป็นเลิศ ส่วนทางด้านวงการภาพยนตร์นั้นก็จะมีผลงานที่ตราตรึงในใจคนได้ยาวนาน หากมองผิวเผินมันก็ยากที่จะเปรียบเทียบกันได้ เพราะนาฬิกาและภาพยนตร์นั้นเป็นผลงานที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่กระนั้น Rolex ก็โดดเด่นอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาแล้วหลายทศวรรษ
ภาพยนตร์เป็นผลงานที่สื่อสารด้วยภาพเป็นหลัก และแม้แต่รายละเอียดเล็กๆ ที่เห็นอยู่บนจอภาพยนตร์ก็สามารถที่จะเปลี่ยนความหมายของฉากนั้นทั้งฉากได้ เมื่อนักแสดงเลือกที่จะสวมใส่นาฬิกา Rolex เรือนเวลาบนข้อมือนั้นก็จะเพิ่มรายละเอียดให้กับพล็อทเรื่องด้วย ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของตัวละครจะสะท้อนให้เห็นถึงเรื่องราวความเป็นมา อดีตและชะตาชีวิตของตัวละครตัวนั้น ตลอดจนเผยถึงลักษณะนิสัย รสนิยม ค่านิยาม ความปรารถนาและกรอบความคิดของผู้ที่สวมนาฬิกาเรือนนั้น
ตัวอย่างที่โด่งดัง ได้แก่ Rolex Oyster Perpetual Submariner ที่ฌอน คอนเนอรี่และโรเจอร์ มัวร์ ใส่ในภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ได้แก่ Dr. No, From Russia with Love, Goldfinger, Thunderball, Live and Let Die และ The Man with the Golden Gun นาฬิกา Oyster Perpetual Submariner Date เรือนทองที่บิล แพกซ์ตันใส่ในภาพยนตร์เรื่อง Titanic นาฬิกา Oyster Perpetual GMT-Master ที่มาร์ลอน แบรนโดใส่ขณะรับบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง Apocalypse Now และนาฬิกา Oyster Perpetual Datejust ที่พอล นิวแมนใส่อย่างมั่นใจในภาพยนตร์เรื่อง The Color of Money (และก็มาอยู่ในมือของตัวละครของทอม ครูซในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย)
ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งมีเหล่าคนดังใส่นาฬิกา Rolex ขณะแสดงภาพยนตร์มากขึ้น เมื่อเรือนเวลาที่นักแสดงและผู้กำกับเลือกผสานเข้ากับบุคลิกและเสน่ห์ของเขาผู้นั้นทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง Rolex เองก็จะได้รับบทเด่นเป็นของตนเองในไม่ช้า
ในปี 2017 Rolex ยกระดับความสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ด้วยการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Academy of Motion Picture Arts and Sciences ในฐานะ Proud Sponsor ของรางวัล Oscars และ Exclusive Sponsor ของ Governors Awards
ไฮไลท์ของฤดูกาลภาพยนตร์คือรางวัล Oscars ซึ่งเริ่มต้นด้วยการมอบรางวัล Governor Awards เพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลผู้มีผลงานยิ่งใหญ่ยาวนานในวงการภาพยนตร์ ตามด้วยพิธีมอบรางวัล Oscars ซึ่งเป็นการสดุดีแรงบันดาลใจและอารมณ์ ตลอดจนกระบวนการผลิต ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและองค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตภาพยนตร์
ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟผู้ก่อตั้ง Rolex เคยกล่าวไว้ว่านี่คือรางวัลสำหรับ “ผลงานที่ทำออกมาได้ดีงาม” ภาพยนตร์เป็นทั้งงานศิลปะ เป็นทั้งศาสตร์และเป็นทั้งอุตสาหกรรมในเวลาเดียวกัน และพิธีมอบรางวัล Oscars ก็เป็นการเชิดชูทุกแง่มุมของงานผลิตภาพยนตร์ Rolex ออกแบบและเป็นเจ้าภาพห้องรับรองชื่อ The Greenroom สำหรับพิธีมอบรางวัล Academy Awards ตั้งแต่ปี 2016 เพื่อเป็นที่ให้ผู้ได้รับการเสนอชื่อและผู้มอบรางวัลใช้เป็นที่สังสรรค์ก่อนขึ้นและหลังลงจากเวที แรงบันดาลใจสำหรับธีมปีนี้ได้มาจากฮอลลีวู้ดและสตูดิโอหลักๆ แผ่นผนังตกแต่งในสไตล์อาร์ทเดโคโดยนำเอารายละเอียดต่างๆ ของนาฬิกา Rolex มาประกอบกันเป็นภาพโมเสกรูปจำลองทิวทัศน์ของลอสแองเจลิสหรือเมืองแห่งภาพยนตร์แห่งนี้
Rolex สนับสนุนให้มีการอนุรักษ์และสืบสานศิลปะแห่งการผลิตภาพยนตร์ ยกย่องความเป็นเลิศและเฉลิมฉลองความก้าวหน้าด้วยการเป็นพันธมิตรกับ Academy of Motion Picture Arts and Sciences (ทั้งตัวสถาบัน รางวัลและพิพิธภัณฑ์ที่ลอสแองเจลิส) โดยการนำผู้มีความสามารถระดับตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ไปจับคู่กับคนรุ่นใหม่ที่มีพรสวรรค์ผ่านทางเทสติโมนีของแบรนด์ (มาร์ติน สกอร์เซซีและเจมส์ คาเมรอน) และโครงการ Rolex Mentor and Protégé Arts Initiative
ไม่เพียงเท่านั้น Rolex ยังได้เป็น Founding Supporter ของ Academy Museum of Motion Pictures แห่งใหม่ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2021 ที่ลอสแองเจลิส นึ่คือพิพิธภัณฑ์แห่งแรกในสหรัฐอเมริกาที่เจาะจงเรื่องศิลปะ วิทยาการและศิลปินแห่งวงการผลิตภาพยนตร์โดยเฉพาะ แกลเลอรี่ต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีพื้นที่รวมกัน 50,000 ตารางฟุตและในพื้นที่นี้ก็มี Rolex Gallery เพื่อจัดแสดงนิทรรศการถาวรในชื่อ Stories of Cinema ซึ่งได้รับการบรรยายว่าเป็น “นิทรรศการ 3 ชั้นที่นำเสนอเรื่องราวอันหลากหลาย เป็นสากลและซับซ้อนของผู้ผลิตภาพยนตร์และผลงานต่างๆ ที่พวกเขาได้สร้างขึ้น” หนึ่งในสิ่งจัดแสดงภายใน Rolex Gallery ก็คือนาฬิกา Oyster Perpetual Cosmograph Daytona ของพอล นิวแมนที่เขาได้รับมอบจากโจแอนน์ วู้ดเวิร์ด ผู้เป็นภรรยาเมื่อตอนที่เขาเริ่มแข่งรถในปี 1969 นาฬิกาเรือนดังกล่าวมีข้อความแกะสลักว่า “DRIVE CAREFULLY ME” และขณะนี้เป็นสมบัติของนักสะสมท่านหนึ่ง
ผู้กำกับระดับแนวหน้าซึ่งเป็นเทสติโมนีของ Rolex ทั้งสองซึ่งก็คือเจมส์ คาเมรอนและมาร์ติน สกอร์เซซีนั้นต่างเป็นแบบอย่างของคุณสมบัติและคุณค่าที่ Rolex และอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีเหมือนกันในการสร้างผลงานระดับมาสเตอร์พีซ เจมส์ คาเมรอน มีผลงานที่น่าจดจำ เช่น The Terminator (1984), Aliens (1986), The Abyss (1989), Terminator 2: Judgment Day (1991), Titanic (1997) และ Avatar (2009) ส่วนสกอร์เซซีก็อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์อย่างเช่น Mean Streets (1973), Taxi Driver (1976), Raging Bull (1980), Goodfellas (1990) และ The Departed (2006)
นอกเหนือจากการผลิตภาพยนตร์ที่ชนะรางวัลออสการ์แล้ว สกอร์เซซียังให้เกียรติแก่ผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงท่านอื่นๆ ร่วมกระบวนการสร้างสรรค์กับคนรุ่นใหม่ผ่านทางความร่วมมือทางด้านศิลปะต่างๆ และยังรับหน้าที่เมนทอร์ในโครงการ Rolex Mentor and Protégé Arts Initiative ด้วย โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2002 เพื่อจับคู่คนที่จะเป็นอาจารย์และศิษย์ในสาขาการเต้น ภาพยนตร์ วรรณกรรม ดนตรี การแสดง ทัศนศิลป์ สถาปัตยกรรมและสาขาเปิดที่ครอบคลุมศิลปะในรูปแบบสหศาสตร์ และจากการจับคู่อาจารย์และศิษย์จำนวนทั้งหมด 58 คู่นั้นก็มีอยู่ 8 คู่ที่อยู่ในสาขาภาพยนตร์ อีกหนึ่งความพยายามในการดำรงไว้ซึ่งศิลปะในการผลิตภัณฑ์ภาพยนตร์ของสกอร์เซซีก็คือการก่อตั้งมูลนิธิชื่อ The Film Foundation ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำคัญในการอนุรักษ์และซ่อมแซมภาพยนตร์จากประเทศต่างๆ ของโลกและความพยายามนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจาก Rolex เช่นกัน
แล้วอะไรคือผลงานชิ้นเอก นาฬิกาเรือนเอกหรือภาพยนตร์เรื่องเอกอย่างเช่นภาพยนตร์ของเจมส์ คาเมรอนและมาร์ติน สกอร์เซซี ผลงานชิ้นเอกหรือมาสเตอร์พีซคือผลงานที่ถูกสร้างด้วยความรักและความพิถีพิถันเพื่อให้เป็นผลงานที่ดีที่สุด นี่คือพลังที่จะนำประวัติศาสตร์กลับมาโลดแล่นและทดสอบทุกความเป็นไปได้ในอนาคตทั้งของสังคมและปัจเจกบุคคล ภาพยนตร์นั้นฝังแน่นอยู่ในความทรงจำและความใฝ่ฝันของเราเหมือนเช่นนาฬิกา Rolex ภาพยนตร์เป็นประจักษ์พยานถึงความทะเยอะทะยานและความมุ่งมั่นของเราในการเอาชนะอุปสรรคใดๆ ที่เราอาจพบเจอระหว่างทาง ภาพยนตร์ไม่ได้เป็นเพียงภาพที่ฉายต่อกัน 24 เฟรมในหนึ่งวินาทีและนาฬิกาก็ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน แต่มันคือจุดหลอมรวมของทุกความรู้สึกที่มนุษย์เรามีนั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง: Rolex and Their Mission to Make the Planet Perpetual
Rolex watches have played their own role on the wrists of legendary characters in numerous films, including multiple Oscar-winning masterpieces. And today, by its support of artistic and technical excellence in filmmaking, Rolex itself has become an acting participant in its own right.
Words: Andreas Arphan Photo: Rolex
For over a century, Rolex has accompanied explorers and achievers around the world. Today, the brand is present at the most prestigious events in golf, sailing, tennis, motor sport, and at equestrian tournaments while also making a unique and lasting contribution to global arts and culture, science and exploration.
One of the key partnerships within the arts and culture space is with the world of Cinema. They both share a similar vision: creating masterpieces. For one, masterpieces of timekeeping; for the other, cinematic masterpieces. On the surface, it seems hardly comparable, watches and films being two entirely dissimilar products. However, Rolex has been a feature of the film industry for decades.
Film is a very visual medium, and the smallest detail on screen could alter the whole meaning of a shot. When an actor chooses to wear a Rolex watch, its presence on their wrist adds information to the plot. The personal effect lends the character a possible history, past and destiny. It reveals something of the temperament, taste, values, aspirations and mindset of the person who wears it.
Famous examples would be the various versions of Rolex Oyster Perpetual Submariner worn by Sean Connery and Roger Moore in Dr. No, From Russia with Love, Goldfinger, Thunderball, Live and Let Die and The Man with the Golden Gun; a gold Oyster Perpetual Submariner Date by Bill Paxton in Titanic; an Oyster Perpetual GMT-Master accessorising Marlon Brando’s stellar performance in Apocalypse Now; and Paul Newman confidently wearing an Oyster Perpetual Datejust in The Color of Money (which was later handled by Tom Cruise).
Decade after decade, a growing cast of celebrities would wear a Rolex onscreen. As their watch of choice, the greatest actors and directors would, in turn, reflect on the watch and bestow it with their own charisma and flair. But after being a guest star on their wrist, both in front and behind the camera, Rolex would soon take on a starring role.
In 2017, Rolex cements its longstanding association with the film industry by entering a formal partnership with the Academy of Motion Picture Arts and Sciences, becoming the Proud Sponsor of the Oscars, and Exclusive Sponsor of the Governors Awards.
The highlight of the film season is the Oscars, and it begins with the Governors Awards which honour great names of cinema and are presented in recognition of a lifetime of remarkable achievements. This is followed by the Oscars ceremony which celebrates inspiration and emotion as well as the production process, the technical expertise and all else that goes into the making of a film.
To borrow a favourite expression of Rolex founder Hans Wilsdorf, it is an ode to “a work done handsomely”. Cinema is at once an art, a science and an industry, and the Oscars ceremony shines a light on every one of its facets. Since 2016 Rolex has designed and hosted the Greenroom for the Academy Awards as a convivial space where nominees and presenters gather before and after stepping onto the stage. The inspiration for this year’s theme comes from Hollywood and its major studios. Decorative wall panels in an Art Deco style arrange elements from Rolex watches into mosaics to reproduce the skyline of cinema’s home, Los Angeles.
Rolex encourages the preservation and transmission of the cinematic arts, promotes excellence and celebrates progress with its partnership with the Academy of Motion Picture Arts and Sciences (the institution, the awards and the museum in Los Angeles), by accompanying living legends as well as budding talents through its Testimonees (Martin Scorsese and James Cameron), and the Rolex Mentor and Protégé Arts Initiative.
The brand became a Founding Supporter of the new Academy Museum of Motion Pictures, which opened its doors on 30 September 2021 in Los Angeles. The first of its kind in the United States, the Museum is devoted to the arts, sciences, and artists of moviemaking. Among its 50,000 square feet of galleries is the Rolex Gallery, a permanent exhibit featuring “Stories of Cinema”, described as “a three-floor exhibition presenting the diverse, international, and complex stories of moviemakers and the works they create”. One of the exhibits in the Rolex Gallery is Paul Newman’s Oyster Perpetual Cosmograph Daytona, given to him by his wife Joanne Woodward when he embarked on a race car career in 1969. The watch is inscribed with the phrase ‘DRIVE CAREFULLY ME’ and is now owned by a private collector.
Exemplifying the shared qualities and values of Rolex and the film industry, both Rolex Testimonees and exceptional filmmakers James Cameron and Martin Scorsese represent the industry at its best, crafting masterpieces. James Cameron has helmed classics such as The Terminator (1984), Aliens (1986), The Abyss (1989), Terminator 2: Judgment Day (1991), Titanic (1997) and Avatar (2009); and Scorsese being behind Mean Streets (1973), Taxi Driver (1976), Raging Bull (1980), Goodfellas (1990), and The Departed (2006).
Beyond producing Oscar-winning films, Scorsese pays tribute to filmmaking acclaimed auteurs while maintaining a creative dialogue with younger generations through artistic collaborations and played the role of a mentor in the Rolex Mentor and Protégé Arts Initiative. Launched in 2002, this initiative has paired mentors and protégés in dance, film, literature, music, theatre, visual arts, architecture and an open category covering interdisciplinary pursuits. Out of the 58 mentor and protégé pairs established, eight were from film. As part of his efforts to perpetuate cinematic arts, Scorsese is also behind The Film Foundation which is dedicated to the preservation and restoration of world cinema, an endeavour that has the support of Rolex.
So, what is a masterpiece? Whether a masterpiece of timekeeping, or a masterpiece of cinema — such as the films by James Cameron and Martin Scorsese — a masterpiece is something crafted lovingly and meticulously to be the best. It is the power to bring history to life and to explore every possible future, both collective and individual. Like a Rolex watch, cinema is ingrained with our memories and aspirations. It is witness to our ambitions and to our determination to overcome any obstacle we may find along our way. More than simply 24 frames per second, or 24 hours within a day, it embodies the very essence of our emotions.
See also: Rolex and Their Mission to Make the Planet Perpetual
