Slim Aarons: “Attractive People Doing Attractive Things in Attractive Places”

Share this article

เปิดประวัติ สลิม แอรอนส์ ช่างภาพสงครามที่ผันตัวเข้าสู่วงการมายาจนเป็นที่ไว้วางใจของเซเลบในยุคสมัยนั้น
บทความ: จูเลีย ร็อกแซน

[ English ]

ครั้งหนึ่งสลิม แอรอนส์เคยเป็นทหารและทำงานถ่ายภาพสงครามก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่วงการมายาแล้วกลายเป็นช่างภาพคนโปรดของเหล่าคนดังจำนวนมาก เพราะเขามีฝีมือในการถ่ายภาพผู้คนให้ออกมาดูดีมีสไตล์ แอรอนส์เติบโตในชนบทของรัฐนิวแฮมป์เชียร์ และต่อมาได้ย้ายเข้ามาที่นิวยอร์ค เขาเป็นคนมีชื่อเสียงในแง่ที่ไม่เคยล้ำเส้นไปจากขอบเขตที่ตัวเขาเองมีสิทธิ แอรอนส์ถ่ายภาพ “ผู้คนที่มีเสน่ห์ซึ่งกำลังทำอะไรที่น่าสนใจในสถานที่ที่ดูดี” มุมมองที่ไม่เหมือนใครของเขาประกอบกับวิจารณญาณที่ใช้ทำให้งานของเขาได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสารที่เป็นที่รู้จักอย่างเช่น Harper’s Bazaar, Town & Country และ Life

เหล่าเซเลบริตี้ คนที่มีชื่อเสียงในสังคมชั้นสูงและหนุ่มสาวไฮโซต่างก็ชื่นชมและไว้ใจสลิม แอรอนส์ เขาจึงมีโอกาสได้เข้าไปในคฤหาสน์ส่วนตัวและปาร์ตี้ที่จัดเป็นการส่วนตัว สลิม แอรอนส์ซึ่งไม่เคยถูกมองว่าเป็นปาปารัสซี่เลย จึงได้ทำงานที่มากกว่าช่างภาพทั่วไป เพราะเขาได้บันทึกภาพของนางแบบและนายแบบในเวลาที่พวกเขาดูดีที่สุดเพื่อให้ภาพเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปไม่มีวันตาย นับเป็นการสร้างสิ่งที่เที่ยงแท้ถาวรจากโลกแห่งวัตถุนิยมที่ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ถาวรเลย แอรอนส์มักจะทำงานถ่ายภาพในบ้านของนางแบบหรือนายแบบในภาพ ภาพหนึ่งของเขาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีก็คือ ภาพ Poolside Gossip (เมาท์กันริมสระว่ายน้ำ) ภาพถ่ายที่เป็นเสมือนลายเซ็นของทศวรรษ 1970 ภาพนี้ สลิม แอรอนส์ ถ่ายที่คฤหาสน์ Kaufmann House ที่ปาล์มสปริงส์ แคลิฟอร์เนีย

ความสามารถของเขาในการจัดวางองค์ประกอบให้มีสุนทรียภาพได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของภาพถ่ายแนวโมเดิร์นนิสม์ และยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความสนิทสนมและมิตรภาพที่แท้จริงระหว่างเขาและเหล่าคนดังด้วย แอรอนส์มักจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าเซเลบในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน… เพียงแค่เขาบังเอิญสะพายกล้องมาด้วยเท่านั้นเอง

หลังจากที่ได้ทำงานโดยเน้นการถ่ายภาพที่มีฉากหลังเป็นย่านไฮโซของสหรัฐฯ อย่างฮอลลีวูด อากาปุลโก ปาล์มบีช และปาล์มสปริงส์ ในที่สุดแอรอนส์ก็ได้รวบรวมผลงานภาพถ่ายมาตีพิมพ์ในหนังสือเล่มแรกของเขาในปี 1974 ชื่อว่า A Wonderful Time เป็นหนังสือแสดงผลงานที่เขาสั่งสมมาเป็นเวลา 20 ปี และหนังสือเล่มนี้ก็ได้กลายเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจสำหรับนักออกแบบแฟชั่นและนักออกแบบตกแต่งภายใน ตลอดเวลาที่เขาทำงาน ภาพถ่ายของเขามีอิทธิพลอย่างเงียบๆ ต่อวัฒนธรรมสมัยนิยมและแวดวงแฟชั่น ดังนั้นทุกภาพถ่ายที่แอรอนส์บันทึกไว้จึงกลายเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็ต้องการ และผลงานของเขาซึ่งเป็นที่รู้กันทั่วโลกว่าเป็นเสมือนสุดยอดคัมภีร์ที่บ่งบอกถึงการมีรสนิยมที่ดีจึงมีมูลค่าหลายพันดอลลาร์ในปัจจุบัน ต่อมาภายหลังเขาได้พิมพ์หนังสือที่เป็นซีรีส์ต่อกันอีกสองเล่มคือ Once Upon a Time (ปี 2003) และ A Place in the Sun (ปี 2005)

ดาวเด่นในแวดวงสังคมที่เขาบันทึกภาพไว้ได้แก่ มาริลีน มอนโร, แคทธารีน เฮปเบิร์น, ลอเรน บาคอลล์, คลาร์ก เกเบิล, คนในตระกูลรอธส์ไชลด์, คนในตระกูลกินเนสส์ และหัวหน้าแก๊งมาเฟีย ลัคกี้ ลูเซียโน ซึ่งคนสุดท้ายนี้ แอรอนส์ได้รับสิทธิพิเศษในการบันทึกภาพของเขาช่วงที่ถูกเนรเทศออกไปจากกรุงโรมด้วย แม้ว่าเขาจะถูกห้อมล้อมด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลของคนดังในฮอลลีวูด แต่งานของเขาก็ได้ขยับขยายออกไปจากแวดวงเดิมที่จำกัดอยู่เพียงแค่ดาราหรือเซเลบริตี้เท่านั้น เขาเริ่มถ่ายภาพผู้หญิงสวยที่ไม่มีใครรู้จัก และภาพบรรยากาศของวิวทิวทัศน์ หนึ่งในภาพถ่ายจากคอลเลคชั่นผลงานของเขาเมื่อเดือนธันวาคม ปี 1958 เป็นภาพของผู้หญิงที่กำลังนั่งอยู่ริมขอบสระว่ายน้ำในเคนยา

สลิม แอรอนส์เริ่มต้นเข้าสู่วงการถ่ายภาพอย่างต้อยต่ำในฐานะคนล้างและอัดภาพ บทบาทหน้าที่ของเขาในตอนนั้นมีเพียงแค่การจุ่มกระดาษไวแสงที่อัดภาพแล้วลงในสารละลาย อย่างไรก็ดีด้วยความที่เขาเป็นคนมีเสน่ห์และทุ่มเทให้กับการทำงาน เขาจึงได้รับแรงสนับสนุนให้ก้าวขึ้นไปทำงานในตำแหน่งที่สูงกว่า โดยได้ทำงานเป็นช่างถ่ายภาพเวลาที่กองทัพมีการเคลื่อนพล หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เรียนรู้งานจาก แฟรงค์ คาปรา ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ในฮอลลีวูด และได้คบหาเป็นเพื่อนกับช่างภาพข่าวอย่าง จอร์จ ซิลค์ และ คาร์ล มายแดนส์ การใช้เวลาส่วนใหญ่ถ่ายภาพในกองทัพมีผลทำให้ความสนใจของเขาเบี่ยงเบนไปยังสิ่งที่น่าเจริญตาเจริญใจกว่า แอรอนส์เคยกล่าวไว้ในหลายโอกาสว่า “ชายหาดที่คุ้มค่าแก่ยกพลขึ้นไปก็คือชายหาดที่ประดับประดาด้วยสาวๆ กึ่งเปลือยขณะอาบแดดภายใต้ดวงอาทิตย์อันเงียบสงบ”

หลังจากที่ สลิม แอรอนส์ เปิดออฟฟิศของนิตยสาร Life ในกรุงโรม เขาก็ได้ปรับเปลี่ยนนิยามของคำว่าความงามที่เย้ายวนใจ การถ่ายภาพนางแบบและนายแบบที่แทบไม่ได้แต่งหน้าไปจนถึงไม่แต่งหน้าเลย โดยอาศัยเพียงแค่แสงและบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติซึ่งเป็นสไตล์เฉพาะตัวของแอรอนส์ ผลงานของเขามักจะเป็นภาพแอบถ่ายตอนทีเผลอ นางแบบและนายแบบจึงแทบไม่เคยโพสท่าให้เขาเลย เขาจ้างคนหน้าตาดีมาทำงานเป็นผู้ช่วยเพื่อที่จะได้เป็นเหยื่อล่อ แอรอนส์จึงมีโอกาสเก็บภาพในช่วงเวลาของการสนทนา การพักผ่อน และการดื่มด่ำกับความสุขได้อย่างคมชัด เป็นธรรมชาติ และผ่อนคลายโดยไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของใครเลย

แม้จะเป็นคนที่ทำงานเร็ว แต่แอรอนส์ก็ใส่ใจอย่างยิ่งยวดกับทุกรายละเอียดของงานทุกๆ ชิ้น เขาเริ่มทำงานแต่ละโปรเจ็คด้วยมุมมองที่ชัดเจน และไม่เคยเบี่ยงเบนออกนอกเป้าหมายที่วางไว้ หรือทำใจยอมรับผลงานที่มีคุณภาพด้อยกว่าที่ตั้งใจไว้ เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการทำสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ให้ออกมาดูเหมือนไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายนัก ภาพที่เขาถ่ายมาดาม เดอ ลา เอย์-จูสเซอแล็งซึ่งเป็นทายาทของกงแตสเดอนวยส์ ขณะที่เธอกำลังนั่งตะแคงข้างอยู่บนหลังม้าตรงหน้าประตูทางเข้าอันงามสง่าของปราสาทของเธอนั้น แอรอนส์สามารถถ่ายภาพนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ในจังหวะที่สวยที่สุดขณะที่ม้าของเธอกำลังยกกีบขึ้นข้างหนึ่งพอดี

ภาพถ่ายของสลิม แอรอนส์ เป็นเสมือนสื่อกลางที่นำความมีเสน่ห์และความเย้ายวนใจมาสู่สายตาผู้ชม เขามีวิธีทำให้คนหนุ่มสาวที่ร่ำรวยดูเซ็กซี่และมีสไตล์โดยไม่ต้องพยายาม ในขณะเดียวกันเขาก็สามารถถ่ายภาพให้ผู้สูงวัยออกมาดูเท่และเก๋ด้วย เหล่าคนดังมั่นใจเสมอว่าภาพถ่ายของแอรอนส์ทุกภาพจะออกมามีสไตล์และคมชัด… พวกเขารักแอรอนส์ก็เพราะเหตุนี้ ภาพถ่ายของเขาจึงมักจะประกอบไปด้วยใบหน้าที่กำลังยิ้ม หรือแสดงความพึงพอใจ แอรอนส์จะถ่ายภาพก็ต่อเมื่อเขาได้รับอนุญาตจากบุคคลในภาพเท่านั้น และยังเคารพในความเป็นส่วนตัวของผู้คนที่ไว้ใจเขาและยินดีต้อนรับเขาเข้าสู่พื้นที่ส่วนตัว แอรอนส์เคยเล่าถึงครั้งหนึ่งที่เขาได้เข้าไปร่วมเป็นพยานในเหตุการณ์เมื่อปี 1949 ตอนที่หัวหน้าแก๊งมาเฟีย ลัคกี ลูเซียโน จูบพ่อของเขาอย่างเปิดเผย แต่เขาไม่ต้องการให้ใครบันทึกภาพนั้นไว้

ปัจจุบันซึ่งเป็นยุคของหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ ข่าวฉาว และการถ่ายภาพข่าวที่รุกล้ำความเป็นส่วนตัว งานถ่ายภาพตามสไตล์ของสลิม แอรอนส์ ยังคงเป็นแนวทางหลักของสิ่งพิมพ์เพียงไม่กี่เล่มที่ยังคงให้คุณค่ากับความลึกลับน่าค้นหาและความเย้ายวนใจ ทุกวันนี้อาร์ตไดเร็กเตอร์ในทุกๆ วงการต่างพยายามทำงานหนักเพื่อที่จะสร้างสรรค์ผลงานให้มีสุนทรียภาพเหมือนกับภาพถ่ายของสลิม

บทความที่เกี่ยวข้อง: Peter Lindbergh’s Legacy in Photographs and Photography


Slim Aarons’ photographs were a vehicle for both charm and allure. Celebrities could always count on his every photo to be stylish and crisp.

Words: Julia Roxan

A former soldier and combat photographer, Slim Aarons grew into the media industry’s darling glamour photographer. Aarons, grew up in the farm country of New Hampshire and moved to the Governor’s Island of New York. Lionised as the man who never overstepped his boundaries, Aarons photographed “attractive people doing attractive things in attractive places”, pioneering a lavish aesthetic and photographic sensibility which eventually saw his work published in commercial magazines such as Harper’s Bazaar, Town & Country and Life.

Celebrities, socialites and jetsetters alike, adored and trusted him, earning him access to private chalets and parties. Never considered a paparazzi, Slim Aarons, was more than a photographer, immortalising his subjects at their utmost best – material permanence of the impermanent material world. Often plying his trade at their homes, like his famed Poolside Gossip, a 1970s signature photograph taken by Slim Aarons at the Kaufmann House in Palm Springs, California.

His aesthetic became emblematic of modernism as much as his intimate and sincere friendships with A-listers. Aarons was warmly welcomed by them as a friend… he simply happened to carry a camera.

Focusing on the moneyed set of Hollywood, Acapulco, both Palm Beach and Springs, Aarons eventually went on to publish his first book in 1974 entitled, A Wonderful Time, featuring two decades worth of work which became a source of inspiration for fashion designers and interior designers. All throughout his career, his images had quietly influenced pop culture and fashion. All that he photographed became instantaneously desirable and his work which is globally known as a quintessential guide for good taste, is now worth thousands. He later released two sequels entitled, Once Upon a Time (2003) and A Place in the Sun (2005).

Of his many muses were Marilyn Monroe, Katharine Hepburn, Lauren Bacall, Clark Gable, the Rothschilds, Guinness’s and Lucky Luciano – who Aaron had the personal honour of documenting during his banishment from Rome. Although surrounded by glamour of Hollywood, his work ventured further from celebrity constraint, featuring unknown beauties and scenic environments – in a December 1958 collection, he features a woman sitting by the edge of a swimming pool in Kenya.

Starting from a humble beginning as a hypo dipper, his only role involved dunking developing prints into chemical solutions. However, his charming persona and dedicated work ethic propelled him to greater heights. Going on to shoot military manoeuvres, it wasn’t long before he was scouted by Hollywood director Frank Capra, and befriended other photojournalists George Silk and Carl Mydans. His time with the army had adversely averted his focus, reiterating on several occasions that, “The only beach worth landing on was decorated with beautiful, semi-nude girls tanning in a tranquil sun.”

By the time Slim Aarons had opened Life magazine’s bureau in Rome, he had already redefined the glamor of beauty. Using only natural light and environments to photograph subjects with little to no makeup was his signature style. His work, rarely posed, was often candid. Recruiting beautiful assistants as decoys, Aarons was able to capture high definition, natural and relaxed moments of conversation, leisure and enjoyment with complete discretion.

Despite his speed, Aarons was excruciatingly meticulous in all of his work. He embarked on projects with a clear vision and never deviated or settled for less. He had a knack for making the impossible look effortless. In a photograph featuring Madame de la Haye-Jousselin, a descendant of the Comtesse de Noailles, riding side-saddle in front of her château’s resplendent gate – Aarons had miraculously captured the picturesque instant her horse raised its hoof.

Slim Aarons’ photographs were a vehicle for both charm and allure. He had a way of making the modern rich look sexy and effortlessly fabulous, while depicting older subjects as cool and chic. Celebrities could always count on Aaron’s every photo to be stylish and crisp…and they adored him for it. His pictures thus always featured a smiling face, or a satisfied expression. Aaron only took the pictures people personally consented to and he respected the privacy of those that trusted and welcomed him into their comfort zone – having recounted a scene he witnessed in 1949 where mob leader Lucky Luciano kissed his father openly yet didn’t want it documented.

Currently, in the age of tabloids, scandals and invasive photojournalism, Slim Aaron’s work remain a staple for the few publications which still value mystic and glamour. Art directors in every industry now work tirelessly to recreate the Slim aesthetic.

See also: Peter Lindbergh’s Legacy in Photographs and Photography

Get Exclusive Connections with LUXUO Thailand
Join us today
Connect!
Close
Join us for exclusive access to Luxuo Thailand's contents and events
Subscribe
close-image