Breguet สานต่อความสัมพันธ์กับโลกแห่งศิลปะผ่านงานแสดงศิลปะระดับโลก Frieze Seoul
บทความ: ลภีพันธ์ โชติจินดา ภาพ: Breguet
หากจะกล่าวถึงแบรนด์นาฬิกาสำคัญๆ สักแบรนด์ที่เปี่ยมไปด้วยงานหัตถศิลป์และความมีชั้นเชิงเรื่องวิศวกรรมและกลไกที่มีคุณค่าและมีมูลค่า Breguet จัดได้ว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาชั้นสูงที่มีความสำคัญแบรนด์หนึ่งเลยทีเดียว Breguet เป็นแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่สัญชาติสวิสที่มีความเป็นเลิศทั้งในด้านนวัตกรรมของกลไกเครื่องบอกเวลามาตั้งแต่ในยุคต้นศตวรรษที่ 19 โดยผู้ก่อตั้งแบรนด์ อับราฮัม-หลุยส์ เบรเกต์ ไม่ว่าจะเป็นการคิดค้นกลไกตูร์บิยองได้ในปี ค.ศ. 1801 เพื่อยกระดับความเที่ยงตรงให้กับนาฬิกาพกในสมัยนั้น หรือความปราดเปรื่องในเรื่องการนำเอาลวดลายอย่างกิโยเช่ซึ่งเป็นหนึ่งในการหัตถศิลป์ที่นำมาใช้บนหน้าปัดเพื่อขจัดปัญหาคราบที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการประดิษฐ์นาฬิกา เป็นต้น
ทักษะและความเชี่ยวชาญในงานฝีมือช่างประดิษฐ์เรือนเวลาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ Breguet ยังคงยึดถือปฏิบัติตามขนบประเพณีแบบดั้งเดิมและสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังหลอมรวมเอาเทคโนโลยีและศาสตร์ทางด้านงานฝีมือต่างๆ เข้ามาผสานกับเรือนเวลาของแบรนด์ได้อย่างลงตัว โดย Breguet แม้จะเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เก่าแก่และรักษาขนบประเพณีไว้อย่างครบถ้วน แต่ก็ยังคงพัฒนาและก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าดั้งเดิมและลูกค้าในยุคปัจจุบันที่มีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันผ่านการสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่องซึ่งรวมถึงกิจกรรมศิลปะแขนงต่างๆ ที่สะท้อนคุณค่าทางงานศิลป์และปรัชญาของแบรนด์ด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่น การจับมือกับงานแสดงศิลปะอันโด่งดังของ Frieze ที่ริเริ่มขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2003 ที่กรุงลอนดอนเพื่อนำเสนอผลงานศิลปะที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นหลัก และค่อยๆ เติบโตจนกลายเป็นงานศิลปะร่วมสมัยอันทรงอิทธิพลของโลก จากนั้นมีการขยายงานไปจัดเป็น Frieze New York เมื่อปี ค.ศ. 2012 Frieze Los Angeles ในปี ค.ศ. 2019 และ Frieze Seoul ในปี ค.ศ. 2022 ซึ่ง Breguet เองนั้นเริ่มเข้าร่วมการจัดงานกับ Frieze ครั้งแรกที่ Frieze New York ในปี ค.ศ. 2022 และตามมาด้วย Frieze Seoul ในปีเดียวกัน
และล่าสุดนี้ Breguet ยังคงสานต่อความตั้งใจในการสนับสนุนงานศิลปะร่วมสมัยด้วยการเข้าร่วมงาน Frieze Seoul ที่จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมและนิทรรศการ COEX กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ระหว่างวันที่ 4 – 7 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งภายในบูธของ Breguet นั้นมีการจัดแสดงนิทรรศการที่มีชื่อว่า “Post Atlantica” ที่พัฒนาร่วมกับ เจน เอลลิส (Jenn Ellis) ภัณฑารักษ์ผู้ก่อตั้ง Apsara Studioและเป็นผู้นำโครงการที่มีสำคัญและมีความเชื่อมโยงระหว่างศิลปิน แกลเลอรี และสถาบันต่างๆ ทั่วโลก และซึ่งนิทรรศการ Post Atlantic นี้เป็นบทที่สองจากทั้งหมดสี่ตอนที่นำมาจัดแสดงในงาน Frieze ในธีม “การเปลี่ยนแปลงเชิงวิวัฒนาการ” ที่เป็นเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างศิลปะ วิทยาศาสตร์ วรรณกรรม และกลไกเข้าไว้ด้วยกัน
นิทรรศการ Post Atlantic นี้เป็นผลงานของ โนเอมี กูดาล (Noémie Goudal) ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่ต้องการสะท้อนวิถีการเคลื่อนที่ของโลกด้วยมุมมองของ “กาลเวลาอันยาวนาน” ผ่านการศึกษาภูมิอากาศและธรณีวิทยา โดยนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์ที่เผยให้เห็นการเกิดรอยเลื่อนที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่เป็นชั้นๆ ซึ่งก่อให้เกิดมหาสมุทรใหม่ควบคู่ไปกับภาพถ่ายสามภาพที่บันทึกภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศที่เกิดจากการแตกตัวเป็นเวลานานของรอยเลื่อนขนาดใหญ่ โดยเปรียบเทียบกับแนวคิดทางประวัติศาสตร์ของ Breguet ที่เน้นในเรื่องนวัตกรรมและความพิถีพิถันในงานฝีมือช่างประดิษฐ์นาฬิกา ซึ่งผู้เข้าชมนิทรรศการ Post Atlantic จะได้ชื่นชมความน่าอัศจรรย์ของงานฝีมือช่างนาฬิกาของ Breguet ได้อย่างใกล้ชิดจากช่างนาฬิกากับเวิร์คชอปขนาดย่อมที่ตั้งอยู่กลางท่ามกลางคอลเลคชั่นนาฬิการุ่นต่างๆ ของ Breguet ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง: Chanel Première Sound – A New Interpretation of the Iconic Watch
