Sarran Youkongdee and His Fascination with Antique Cabinets

Share this article

คุณศรัณญ อยู่คงดี กับความหลงใหลในเรื่องเล่าและความลับที่ซ่อนอยู่ในตู้โบราณ
บทความ:
เนตรนภา ปะวะคัง ภาพ: มโนสิทธิ์ บุญนนท์ สไตลิ่ง: โดม ทรงประโคน

[ English ]

หากคุณเคยได้ชมเอ็มวีเพลง Lalisa ของลิซ่า Blackpink ก็น่าจะสะดุดตากับเอียร์คัฟทรงกิ่งพุดซ้อนสีเงินแซมทองสุดวิจิตรตระการตาซึ่งเป็นผลงานในคอลเลกชัน Pood Sorn จากแบรนด์ Sarran ของคุณเอก ศรัณญ อยู่คงดี ที่ต้องการนำเสนอเรื่องพลังหญิง ความเท่าเทียมทางเพศ และปัญหาสังคม ผ่านผลงานอาร์ตทูแวร์หรืองานศิลปะที่สวมใส่ได้ในดีไซน์ดอกไม้ที่แม้ดูอ่อนช้อยแต่กลับแฝงด้วยความแข็งแกร่ง แต่ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่คุณศรัณญหลงใหลไม่แพ้งานดีไซน์ นั่นคือ การสะสมตู้และลิ้นชักโบราณที่อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์ ความทรงจำ และความลึกลับน่าค้นหา จนคุณศรัณญหลงเสน่ห์เข้าอย่างจัง และเกิดแรงบันดาลใจจนต่อยอดเป็นผลงานชั้นเลิศอีกหลายคอลเลกชัน

อะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจงานออกแบบเครื่องประดับและงานหัตถศิลป์
จุดเริ่มต้นของการที่ผมได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในสายงานดีไซน์แล้วก็งานอาร์ตทูแวร์หรือเครื่องประดับเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเด็กครับ ผมชอบเรียนศิลปะ ชอบวาดรูปตั้งแต่เด็ก จำได้ว่าเรามีความสุขทุกครั้งที่ได้จับดินสอสีแล้วก็กระดาษ คุณแม่ก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องมาเอาดีทางด้านงานศิลปะ แต่มองว่าการให้ความสำคัญกับกิจกรรมในวัยเด็กเป็นส่วนสำคัญของการเติบโตของเด็กในยุคนั้น ก็มีทั้งเรียนว่ายน้ำ เรียนดนตรี แต่สิ่งที่ชอบที่สุดคืองานศิลปะ แล้วก็ชอบวาดรูป

ทุกครั้งที่ได้ไปมิวเซียม ได้ไปงานโชว์งานศิลปะตามโรงแรม เราจะเหมือนถูกสะกดจิต แล้วก็อยู่กับสิ่ง ๆ นั้นตลอด เราพยายามหาความหมายว่า ภาพ ๆ นั้นกำลังพูดถึงอะไร งานปั้นงานนั้นหมายถึงอะไร มันเกิดคำถามในวัยเด็ก จนเรามีโอกาสเข้ามาเรียนอาชีวะ แล้วก็เรียนคณะศิลปกรรมที่ มศว จบจากมหาวิทยาลัย ทำงานมา 4-5 ปี ก็เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเราได้ประสบการณ์จากการเรียน จากการทำงานกับบริษัท แล้วเราจะทำอะไรที่เป็นของเราเอง มันเป็นจุดเริ่มต้นที่เราตั้งคำถามว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่เราชอบวาดเสมอ หรือสิ่งที่เราชอบแล้วก็ศึกษามาตลอดเวลาคือ งานศิลปะไทย

คืออาจไม่ได้วาดภาพพอร์เทรตเก่งนะ ผมสามารถวาดหน้าผู้หญิงคนหนึ่งเป็นอีกคนที่นั่งข้าง ๆ ได้ คือไม่เก่งเลย แต่สิ่งที่ชอบคือการประยุกต์ ชอบงานจิตรกรรมไทย แล้วเราจะแอพพลายอะไรดี โดยใช้วัสดุอื่นเอามาทำลายจิตรกรรมแบบนี้ มันเป็นความสนุกของการทดลองแมททีเรียล แล้วสอง ผมชอบเล่าเกี่ยวกับวัฒนธรรมโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงแบบไม่ได้ตั้งใจ มีช่วงหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสไปอยู่ญี่ปุ่น ก็ได้ไปศึกษาวิถีชีวิตหรือคัลเจอร์ในแบบฉบับของญี่ปุ่น การสื่อสารโดยใช้สตอรีเทลลิ่ง และการทำธุรกิจที่เราสามารถหยิบสิ่งที่ตัวเองชอบโดยคำนึงถึงธุรกิจ คำนึงถึงความรักหรือแพชชันของตัวเองเอามาอยู่ในงานมาก่อน

ก็ได้มีโอกาสกลั่นกรองแล้วออกแบบคอลเลกชันแรกตอนอยู่ที่ฟุกุโอกะ ตอนนั้นแค่คิดว่าจะทำเป็นงานประกวด จนมาวันนี้ สิ่งที่เราทำเล็ก ๆ สำหรับหาเงินรางวัลมันกลับพูดกับเราดังมาก ผมก็เลยเริ่มลองเซ็ตอัพมันออกมาเป็นธุรกิจ และทำให้ธุรกิจนี้สามารถสื่อสารตัวเราออกมา สมัยก่อนผมชอบงานชิ้นใหญ่ พอมาวันนี้ ผมออกแบบงานชิ้นเล็ก ๆ มันกลับพูดกับผมได้มากขึ้น ได้บ่อย และผมก็มีความสุขกับการเดินเข้าออฟฟิศมาทำงานทุกวัน ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นของการที่เราหลงรักการพูดคุยกับของชิ้นเล็กที่เราออกแบบ โดยใช้เรื่องของวัฒนธรรม เรื่องของผู้หญิง เรื่องของความชอบส่วนตัวมาผสมกัน จนออกมาเป็นแบรนด์ Sarran ครับ

ทราบมาว่าคุณศรัณญชอบสะสมของวินเทจด้วย ความชอบนี้มีที่มาอย่างไร
ผมชอบของเก่าที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ ผมเชื่อว่าทุกคนมีของเก่าในบ้านหมด มีเฟอร์นิเจอร์ยุค 70 ยุค 80 ที่เป็นของตกทอดมาจากสมัยรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ หรือคุณยาย จำได้ว่าผมมีตู้อยู่ใบหนึ่งของคุณแม่ที่เป็นเหมือนหีบอบร่ำซึ่งได้มาจากคุณยายอีกที มันเป็นของที่ตั้งไว้ปลายเตียง คือไม่มีฟังก์ชันอะไรสำหรับผมมากมาย แค่รู้สึกว่ามันก็เป็นของชิ้นหนึ่ง แต่พอมีวันหนึ่งเหมือนผมหาอะไรบางอย่างแล้วผมหาไม่เจอ ผมก็ไปเปิดหีบนี้ มันก็มีกลิ่นหอมออกมาจากหีบซึ่งเป็นกลิ่นที่คุณแม่ใช้อบดอกไม้ อบร่ำตั้งแต่สมัยผมยังเด็ก ผมก็รู้สึกแปลกใจว่ากลิ่นมันอยู่ได้ตั้งแต่ 30 ปีก่อนตอนเรายังเด็ก จนปัจจุบันกลิ่นมันยังคงหอมอยู่ ก็เลยชอบการศึกษาหรือหาอะไรที่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของเรา

ผมเชื่อว่าทุกบ้านมีตู้เสื้อผ้า มีกล่องของคุณยาย มีกระปุกของคุณแม่ เราเคยเปิดดูหรือเปล่า มันมีประวัติศาสตร์หรือเมโมรีบางอย่างที่เราไม่ต้องรอให้เขาไปไหนหรอก แต่เขาอยู่ตรงนี้ เราเปิดมาแล้วถามว่า นี่คืออะไร คือมันเปิดความอยากรู้อยากเห็นของเรา ทำให้รู้สึกว่า ถ้าสมมติเราได้ไปเห็นของอย่างอื่นล่ะ แล้วลองจินตนาการว่าของชิ้นนั้นมันมีเจ้าของหรือมีที่มาที่ไปอย่างไร มันน่าสนใจ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมตู้ของผม

คุณศรัณญเริ่มสะสมตู้แอนทีคมานานแค่ไหน
ผมเริ่มต้นจากใบแรกเป็นใบที่อยู่ในห้องทำงาน เป็นกล่องใบเล็ก ๆ ที่ใช้เก็บใบเซียมซีในวัด ตอนได้มามันมีเซียมซีบางใบอยู่ ผมก็เอาเซียมซีนี้ไปเก็บไว้ที่อื่น แล้วเก็บตู้นี้ไว้ใส่อุปกรณ์ทำงานของผม นั่นคือตู้ใบแรกที่เริ่มต้นสะสมใหม่ ๆ เมื่อประมาณ 10 ปีก่อน หลังจากนั้นมันก็หยุดไม่อยู่ ก็เริ่มมาเป็นคอลเลกชัน คือผมถือว่าผนังไหนว่าง ผนังนั้นต้องมีตู้ ช่วงประมาณปีก่อนที่คุณแม่เริ่มจัดการห้องผม คุณแม่ก็ตกใจว่าทำไมมีตู้อยู่ 30 กว่าใบทั้งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ผมก็มีวิธีคือ ผมแอบเอาขึ้นมาตอนดึก แกะพลาสติกเสร็จปุ๊บก็เอาไปวาง เช็ดทำความสะอาดเรียบร้อย

ทำไมคุณศรัณญถึงชอบสะสมตู้แอนทีค
ตู้ทุกใบมันจะมีเรื่องราวฮะ มันมักมีอะไรซ่อนอยู่โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ เช่น ลิ้นชักบางใบเปิดมาปุ๊บจะมีกระดาษหนังสือพิมพ์วางอยู่ข้างล่าง มีลายมือการฝึกเขียนพู่กันญี่ปุ่นของเจ้าของตู้ใบเก่า หรือการ์ตูนล้อเลียนยุคเก่าที่เป็นเหมือนการ์ดก็ถูกซ่อนอยู่เป็นเหมือนที่รองลิ้นชัก ผมเคยเจอปิ่นปักผมซ่อนอยู่ในกล่องเก็บจิวเวลรีที่เป็นลิ้นชักลับในตู้ เคยเจอจดหมายที่เขียนถึงคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งผมรู้สึกว่าการเขียนตัวอักษรของคน ๆ หนึ่งมันมีคุณค่ามาก เพราะฉะนั้น ทุกแวลู่ ทุกเรื่องราว เวลาเราไปดู เราอาจได้เรียนรู้ที่มาที่ไปของตู้ใบนี้

ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงการใช้ชีวิตหรือเมื่อตู้ใบหนึ่งอยู่ในสถานที่หนึ่ง ผมว่ามันมีเสน่ห์ตรงที่ถ้าสมมติเรามีชีวิตอยู่เต็มที่ 80 ปี เรามีการสเก๊ตช์งาน เขียนงานของเรา แล้วงานของเราอาจเก็บไว้ในตู้ใบหนึ่ง แล้วตู้ใบนี้ตกไปถึงใครอีกคนที่ไม่ใช่ครอบครัวเรา วันหนึ่งเขาอาจจะมานั่งมองว่างานสเก๊ตช์ของคน ๆ นี้ชื่อศรัณญ เขาเป็นใครมาจากไหน ถ้าในยุคนั้นไอจีหรือเฟซบุ๊กยังอยู่ เขาอาจจะเปิดดูในไอจีของผมว่าผมเป็นใคร หรืออีกร้อยกว่าปี งานผมอาจจะได้เป็นอินสไปร์ของใครอีกสักคนหนึ่ง

ผมว่าการส่งผ่านเรื่องราวแต่ละเจเนอเรชันที่มันผ่านไปโดยใช้สิ่งของเล็ก ๆ ที่หลงลืมไว้ในตู้ มันก็เป็นเสน่ห์ อาจไม่ใช่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของโลก เป็นแค่ความรู้สึกดี ๆ ที่เราอยากเก็บไว้ แล้วสักวันหนึ่งมีใครสักคนมาค้นพบความลับของเราที่อยู่ในตู้ ผมถึงได้ชอบเก็บตู้ที่เป็นตู้วินเทจและแอนทีค

ของสะสมชิ้นที่รักที่สุดของคุณศรัณญคือชิ้นไหน
ชิ้นที่ผมดูแลเป็นอย่างดีที่สุดคือหีบของคุณแม่ครับ คือมันเป็นรอยนิ้วมือของคุณแม่ คุณยาย คุณย่าที่ใช้หีบใบนี้มาตั้งแต่สมัยก่อน เป็นหีบที่ผมเอามาเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ หีบใบนี้เดินทางกับผมไปหลายประเทศ มันเป็นหีบใบเล็กที่เข้ากระเป๋าเดินทางได้ แล้วทุกครั้งมันก็ทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

ผมจำได้ว่าหีบใบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คุณแม่ผมได้มีโอกาสทำงานและหาเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็ก เขาอบของขวัญ ของที่ระลึก สมัยก่อนเราจะเห็นในตู้คุณยาย เห็นผ้าเช็ดหน้าพับใส่ดอกไม้แห้งข้างในเป็นรูปหงส์เป็นรูปตะกร้าใช่ไหมฮะ ทุกบ้านต้องมีสมัยก่อน ที่บ้านผมรับทำ แล้วรายได้ตรงนี้คือมาเลี้ยงดูผมกับจุนเจือครอบครัว คือคุณแม่ผมเป็นซิงเกิลมัม เขาก็ดูแลผมคนเดียว

นี่คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมเติบโต วันหนึ่งผมเติบโตจากเขา แล้ววันนี้ผมกำลังเอาเขามาทำให้ผมเติบโตมากขึ้น และทำให้ค้นพบวิธีการหรือรูปแบบการทำงานของตัวเอง ก็เลยเป็นสิ่งที่ผมรักมาก ไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาต้องไปกับผม สมมติวันหนึ่งบอกว่าจะต้องหยิบของชิ้นหนึ่งออกไปจากสถานที่แห่งนี้ นอกจากเอาตัวผมออกไป ก็คงต้องหยิบหีบของคุณแม่ไปด้วย เพราะนั่นคือประวัติศาสตร์ของครอบครัวผมที่เขาทิ้งเมสเสจอะไรหลาย ๆ อย่างไว้ในหีบใบนี้

คิดว่าของสะสมและของวินเทจมีเสน่ห์และคุณค่าอย่างไร
นอกจากคุณค่าที่เป็นเรื่องอายุและกาลเวลา บางคนอาจมองเรื่องการทำกำไรกับของเก่า ตอนแรกผมก็มอง คือเรารู้สึกว่ามันเป็นธุรกิจไหมที่เราจะซื้อของเก่ามาไว้สำหรับเก็งกำไร แต่กลายเป็นว่าทุกครั้งเวลามีคนมาขอซื้อผมจะหวงมาก เพราะฉะนั้นเราซื้อมา เหมือนเราซีเล็กต์มาเพื่อตัวเรา แล้วผมก็เรียนรู้มาจากเพื่อน ๆ หลายคน ซึ่งผมก็เอาแนวคิดของหลายคนมาเบลนด์เป็นของผม เช่น เราอยากให้ของชิ้นนี้ยิ้มให้กับเรา ต้องทำให้เรามีความสุข หรือของชิ้นนี้ต้องสร้างแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างให้กับเรา

ส่วนของผม ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสุขของการครอบครองมันมีจริง แต่บางครั้งเราไปแอบดูของคนอื่นเราก็มีความสุขเหมือนกัน แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมคือ ผมมักจะได้แรงบันดาลใจเพื่อสร้างอะไรใหม่ ๆ จากของเก่าหลาย ๆ ชิ้น คอลเลคชันจิวเวลรีหรืออาร์ตทูแวร์ของผมเกือบทุกคอลเลกชันได้แรงบันดาลใจมาจากของแอนทีคหรือเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ผมมองว่าการที่เราเรียนรู้ประวัติศาสตร์หรือความเป็นมา มันทำให้เราเข้าใจอดีตปัจจุบันของตัวเอง และสามารถเดินทางไปสู่อนาคตได้แบบมั่นคง

รู้สึกอย่างไรบ้างที่บางคนมองว่าของสะสมวินเทจและเครื่องประดับเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย
การใช้ของหรือเครื่องประดับ ผมมองว่าถ้าสมมติเราเลือกได้ เราจะเลือกสิ่งที่เหมาะให้กับตัวเอง เหมาะกับการใช้งาน เหมาะกับการใช้ชีวิต และเหมาะกับเงินที่มีอยู่ในกระเป๋าของเรา สำหรับผม สิ่งที่ผมทำมันคืองานศิลปะ การตีความว่ามูลค่าเท่าไรถึงจะเหมาะกับงานศิลปะหนึ่งชิ้น มันขึ้นอยู่กับผู้มอง และสิ่งที่ผู้มองได้รับกลับไป สมมติเรามองภาพวาดหนึ่งชิ้น แล้วรู้สึกว่าให้อะไรมากกว่าแค่ตัวเงินที่จะต้องจ่ายไป ผมโอเคที่จะซื้อ แต่ถ้าสมมติงานนั้นอาจจะสวยมากแต่ไม่ได้ทัชความรู้สึกหรือการใช้ชีวิต มันไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เราก็อย่าไปซื้อมัน

งานศิลปะหรือการลงทุนในปัจจุบันคือการลงทุนเพื่อจิตใจตัวเอง ยกเว้นแต่คนที่ลงทุนเพื่อการขายต่อหรือลงทุนในการเก็งกำไร เพราะอันนั้นเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่ในเรื่องของจิตใจ มันประเมินค่าไม่ได้ เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าอะไรถูกอะไรแพง เพราะบางครั้งของที่ว่าแพง ผมก็ว่ามันถูก เพราะมันมีคุณค่า ของที่บางครั้งมันดูจะถูก แต่ผมก็เสียดายที่จะซื้อ เพราะผมรู้สึกมันไม่จำเป็นกับชีวิตผม ผมเลยมองว่า ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการ และมันตอบสนองจิตใจของผู้บริโภคหรือลูกค้าของเรามากน้อยแค่ไหน

ในฐานะนักออกแบบและนักสะสม คุณศรัณญอยากแนะนำผู้ที่อยากเริ่มสะสมของวินเทจอย่างไร
เรื่องของการสะสมหรือการหาของที่สร้างความสุขทางใจ ผมมองว่าการลงทุนซื้องานศิลปะ อาร์ตทอย อาร์ตทูแวร์ งานแอคทีค งานคราฟต์สักชิ้น เป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจเราละเอียดขึ้น และมีความสุขขึ้น ถ้าถามว่าเริ่มต้นยังไง คุณต้องมองก่อนว่าคุณชอบอะไร อย่ามองเรื่องธุรกิจเป็นหลัก ให้มองเรื่องของทางใจ ของชิ้นไหนสามารถทำให้รู้สึกอย่างที่คุณขาดไป สมมติเราอยากให้ตัวเองมีโอกาสปลดปล่อยในโลกที่ไม่เคยเจอมาก่อน ลองออกจากโต๊ะทำงาน ลองออกไปที่แปลกใหม่ ลองไปเดินในที่ที่ไม่รู้สึกว่าอยากไป เราอาจจะเจออะไรบางอย่างที่รู้สึกว่ามันน่าจะสปาร์คกลิ้ง จอยกับเรา แล้วให้โอกาสตัวเอง หรือใช้คำว่าให้อภัยกับตัวเอง แล้วทำอะไรบางอย่างที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน คุณอาจจะได้เจออะไรที่เป็นตัวคุณเองมากขึ้นจากสิ่งที่มันอยู่รอบ ๆ ตัวคุณโดยที่คุณไม่ได้ตั้งใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง: Chef Tam Chudaree Debhakam Goes Beyond Creativity to Tackle Food Sustainability


The designer discusses his passion for things vintage, and the secrets of old cabinets.

Words: Netnapha Pawakhung Photo: Manosit Boonnon Stylist: Dome Songprakon

If you have seen the “Lalisa” music video by Blackpink’s Lisa, you will no doubt remember the spectacular silver-and-gold ear cuff she wears. Shaped like a bouquet of gardenia, the ear cuff is from Sarran’s Pood Sorn collection. The brand’s founder and designer, Sarran “Ek” Youkongdee wants to communicate women’s power, gender equality and social issues through flower-shaped “art to wear” whose graceful form conceals a hidden strength. Sarran is equally passionate about collecting antique cabinets. Not merely a gathering of collectible pieces, his collection is a treasure trove of history, memory and mystique and a source of design inspirations for several exquisite collections from Sarran.

What got you interested in jewelry design and artisanal crafts?
How I got into design, art to wear and jewelry had its beginning in my childhood. As a child, I loved art classes, loved drawing. I remember feeling happy every time I picked up a colored pencil and paper. My mother never intended for me to make a name in art, but she recognized that age-appropriate activities were important for a child’s growth. I took swimming and music classes, but art was what I loved best. I loved to draw.

Every time I visited a museum or an art show, I would feel hypnotized and completely absorbed. I’d try to figure out what a picture spoke of, or what a sculpture meant. As a child, I had all these questions. Later, I enrolled at a vocational school and went on to study fine arts at Srinakharinwirot University. After graduation, I worked for a company for four or five years before launching my own business. Armed with experience from my studies and from working at the company, and on the brink of starting my own business, I began asking myself questions. [I found that] traditional Thai art is what I’ve always enjoyed.

I’m not much of a portrait artist. I could draw a woman’s face and have it come out looking like the person sitting next to her – I’m really not good at it. But I like the application side of things. I like traditional Thai painting. Can patterns from Thai painting be recreated using a different material? I enjoy experimenting with various materials. I also enjoy telling stories about culture, and without any conscious decision, these tend to end up being stories about women. I had the opportunity to live in Japan for a time. I learned about the Japanese ways of life and culture, communicating through storytelling and turning what you like into a business by putting what you love and your passion first.

While living in Fukuoka, I distilled all of that into my first collection with the sole intention of entering it into a competition. But then that small thing I created in search of prize money became something that spoke to me very strongly. So I tried to turn that into a business and to make that business express who I am. I used to like big pieces, but now that I’ve turned to designing small pieces, I find that they speak to me more, and more often. I’m happy to walk into my office every day and get down to work. So, starting with my passion for having a dialogue with the small pieces I design, and then adding stories of culture and women and my own personal preferences, and then fusing them all together, that was how Sarran, the brand, came about.

We heard that you are a vintage collector. Where did this passion come from?
I love vintage furniture. I believe everyone has vintage stuff in their home, furniture from the 70s, 80s that they got from their parents or grandparents. I remember my mother’s chest, a perfuming box her mother had given to her. It sat at the end of her bed. To me, it was an object with no real function. But one day, while searching for something, I opened this chest and out wafted a beautiful aroma, the aroma of flowers my mother had used to scent fabrics when I was a young boy. I was surprised that the scent had lingered for 30 years and was still sweet. Thereafter, I became drawn to finding out about and searching for things that I’d always overlooked.

In every home you can find old cabinets, grandma’s boxes, mom’s jars, but have you ever opened them and looked inside? There’s history and memory that has lived in there all this time. If you open it and ask, what’s this? Your curiosity will be unleashed. When I see an object, I try to imagine who once owned it and where it came from. This is how I got started as a cabinet collector.

How long have you been collecting antique cabinets?
It all started with my first cabinet, which I keep in my office. It’s a small chest once used to store Chinese fortune sticks at a temple. When I first got it, there were pieces of paper with written oracles inside. I removed the paper and have been using the chest to store my work tools. It’s the first piece I acquired as a new collector some 10 years ago. Since then, I haven’t been able to stop. If a wall is empty, I’ve got to put a cabinet there. Last year, my mother went in to straighten up my room. She was shocked to find more than 30 cabinets she had never seen before. I have my method: I bring in my acquisitions late at night, remove the plastic and then put them in place, all nice and clean.

Why antique cabinets?
Every one of them has a story to tell. Most of the time they have something hidden inside that you don’t expect to find. I have opened drawers to find them lined with old newspapers on which the previous owner had practiced Japanese calligraphy, and others lined with vintage caricature cartoon cards. I have also found a hair pin hidden in the secret drawer of a jewelry box, and a letter to the writer’s parents, which to me is highly valuable because it’s written in someone’s own handwriting. When you look inside a cabinet, you may find things of sentimental value, stories and possibly the history of that cabinet.

You can’t help imagining how life was when that cabinet lived in another place. If I live to be 80 and store my sketches in a cabinet, and this cabinet gets passed on to someone outside my family, someday the new owner may come across these sketches and wonder who this Sarran person is. If Instagram or Facebook is still around then, they may visit my IG to find out who I am. Or perhaps in a hundred years’ time my work will become someone’s source of inspiration.

The fact that small items left forgotten inside a cabinet can keep stories of a past generation alive – I find that quite charming. These stories may not be among the world’s greatest, but they have sentimental value. Someday someone may discover your secrets in a cabinet. This is why I love collecting vintage and antique cabinets.

Which item in your collection is your favorite?
My most cherished piece is my mother’s chest. It carries the fingerprints of my mother and grandmothers, who used it in years past. This chest was the starting point of my brand and has traveled with me to many countries. It is a small chest that can fit inside a suitcase, and it has always served its purpose well.

With this chest, my mother was able to work and provide for me from the time I was a boy. She used it to perfume gifts and souvenirs. You may have seen some of these items in your grandmother’s cabinet: handkerchiefs folded into swans or baskets, holding dried flowers inside. In the past you would find some of these items in every home. My family made them on commission and they provided us with an income to live on. My mother was a single mom and she raised me on her own.

It was part of me growing up and today I’m using it to help me grow further and to discover new work methods. It’s my prized possession and travels with me wherever I go. If I were to leave this place and could take just one thing with me, I’d take my mother’s chest. It represents my family’s history and carries so many unspoken messages.

What, to you, are the charms and value of vintage collectibles?
Besides the sentimental value that comes with their age and the passage of time, some may see value in trading them for a profit. I initially thought about that myself. I felt that perhaps I could make a profitable business buying and selling antiques, but every time someone asked to buy one of my antiques, I’d feel very possessive about it. The things I buy are what I have selected for myself personally. I took ideas from friends and blended them to form my own. I might want a certain piece to give me a smile and make me happy, and another piece to inspire me, for example.

Personally speaking, the joy of possession is something I cannot deny, but sometimes you can get that feeling from taking a peek at someone else’s possessions. The best thing for me is, I usually get inspired by old objects to create something new. Nearly every one of my jewelry or art to wear collections has been inspired by antiques or stories from the past. To me, learning about history helps you understand both your past and your present and enables you to march towards the future with confidence.

Some people consider vintage collectibles and jewelry a luxury. How do you feel about that?
Whether it’s something you use or a piece of jewelry, if you have a choice, you will choose what suits you, serves its function well, and suits your lifestyle and budget. I create works of art. What’s the right price for a work of art depends on who’s doing the judging and what they get out of [that work of art]. If I saw a picture and felt that it’d give me more than what it cost, then I’d feel OK buying it. But no matter how beautiful something is, if it doesn’t touch you emotionally, doesn’t fit the way you live, and doesn’t make your life better, then don’t buy it.

Today, to invest in art is to invest in yourself emotionally. Those investing for future profit or as speculation are exceptions because they are treating it as a business. The emotional value cannot be put in dollars and cents. I find that some high-price things are actually cheap for the price because they have value [for me]. Some other objects may seem cheaply priced, but I’d regret buying them because they aren’t essential to my life. So, to me, it all depends on one’s personal preferences and needs, and how well something can satisfy consumers’ – or our customers’ – emotional needs.

As a designer and a collector, what advice would you give those who want to start collecting vintage collectibles?
As far as collecting things that give joy, I think investing in art, art toys, art to wear, antiques or a piece of craft can refine your mind and make you happier. As for how to start, you need to consider what you like. Don’t put business reasons first; put emotions first. What kind of objects would give you a feeling that’s absent now? If you want to unleash yourself in a world you have never experienced, then get up from your desk, go somewhere new. Take a walk somewhere you don’t normally feel like going. You may find something that gives you a spark of joy. Give yourself a chance – I’d go so far as saying forgive yourself for doing something you have never done before. Without consciously intending to, you may find something that’s more ‘you’ in things that are already around you.

See also: Chef Tam Chudaree Debhakam Goes Beyond Creativity to Tackle Food Sustainability

Get Exclusive Connections with LUXUO Thailand
Join us today
Connect!
Close
Join us for exclusive access to Luxuo Thailand's contents and events
Subscribe
close-image