Mastering Work-Life Balance: The Inspiring Journey of the Panchasarp Brothers

Share this article

เปิดมุมมองการทำงาน การใช้ชีวิต และเคล็ดลับความสำเร็จ กับคุณโชติกรและคุณศุภโชค ปัญจทรัพย์
บทความ: LuxuoTH ภาพ: มโนสิทธิ์ บุญนนท์ วีดีโอ: ปสิทธา รุ่งอารีชัยรัตน์ กำกับแฟชั่น: รัชดา ทับทิมเพ็ชร

คุณโชติกรและคุณศุภโชค ปัญจทรัพย์คือสองผู้บริหารคนสำคัญผู้บุกเบิก Asset Five Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรีและซูเปอร์ลักชัวรีภายใต้คอนเซปต์สร้างบ้านด้วยใจ ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัทมหาชนแห่งนี้สะท้อนถึงการใช้ชีวิตของทั้งคู่ที่ให้ความสำคัญกับ “เวิร์ค-ไลฟ์บาลานซ์” วันนี้ Luxuo Thailand จึงได้เชิญทั้งคู่มาเปิดมุมมองและแบ่งปันเคล็ดลับในการทำงาน และการใช้ชีวิตที่นำไปสู่ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจการงานเพื่อเป็นแนวคิดให้กับทุกท่าน

คุณศุภโชคเกิดมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งทางฝั่งคุณพ่อและฝั่งคุณแม่ แต่ว่าคุณศุภโชคเลือกเดินเส้นทางที่ต้องสร้างธุรกิจขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง ความรู้สึกหรือความตั้งใจในเวลานั้นคืออะไร
ตอนเด็กผมเคยดูละครเรื่องหนึ่งชื่อว่า “ลอดลายมังกร” มันจะมีตัวละครตัวหนึ่งที่เสื่อผืนหมอนใบ มาแบกข้าวสาร จนกระทั่งตั้งตัวได้ เก็บหอมรอมริบ เปิดร้านโชว์ห่วย จนปลายทางเขาได้เป็นเจ้าของโรงงาน ก็รู้สึกประทับใจ ตัวละครมีทั้งเถ้าแก่ ลูก หลาน อย่างลูกเถ้าแก่ก็มีทั้งลูกที่ดีและไม่ดี ตอนนั้นผมฝังใจกับลูกเถ้าแก่ที่ไม่ดีที่วันๆ เอาแต่แบมือขอเงิน แล้วเราเองก็เกิดมาในครอบครัวกงสี เลยรู้สึกว่าอยากเป็นเถ้าแก่บ้าง อยากมีมรดกตกทอดของตัวเอง ก็เลยออกมาตั้ง Asset Five Group ครับ ตอนนั้น 11 – 12 ขวบภาพก็ยังไม่ชัดมาก แต่มันมาชัดตอนที่เราเริ่มธุรกิจแรกด้วยตัวเองคือการขายของออนไลน์ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง หาเงินก้อนแรกได้เราก็รู้สึกภูมิใจ ก็ไม่อยากกลับไปเป็นลูกเถ้าแก่แล้ว อยากเป็นเถ้าแก่เองครับ

คุณศุภโชค ปัญจทรัพย์

ความสำเร็จเกิดขึ้นยากหรือง่ายอย่างไรในช่วงเริ่มแรกนั้น และคุณศุภโชคผ่านมันมาได้อย่างไร
มันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ครับ ตอนที่เริ่ม Asset Five Group ตอนนั้นยังไม่มีออฟฟิศ เราก็ต้องนั่งอยู่ร้านกาแฟ 2 เดือนเพื่อที่จะรับสมัครคน พอออฟฟิศเสร็จ ออฟฟิศแรกก็คือตู้คอนเทนเนอร์หนึ่งตู้ มาพร้อมพนักงาน 3 ท่าน ก็จะมีโปรเจกต์เมเนเจอร์ ผม แล้วก็ฝ่ายเซลควบมาร์เก็ตติ้ง ก็เหมือนการเริ่มธุรกิจใหม่ เราเกิดในครอบครัวที่ทำพร็อพเพอร์ตี้ตั้งแต่คุณปู่ที่ทำตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953 ทำมา 71 ปีแล้ว

คุณศุภโชคได้รับอิทธิพลเรื่องวิธีคิดในการทำธุรกิจจากแหล่งใดมากที่สุด
ผมว่ามันก็ซึมซับมาโดยไม่รู้ตัวครับ สมัยปิดเทอมคุณปู่คุณพ่อจะพาไปไซต์งาน เราก็เอาเกมไปเล่น ไมได้สนใจจะไปดูงานก่อสร้างหรอกครับ เรียกว่าเปลี่ยนที่เล่นเกม ไปหัดขับจักรยาน โตมาก็ไปหัดขับรถ เคยไปดูที่กับคุณปู่ เขาถึงขนาดจับดินว่าเป็นยังไง สายลมแสงแดดเป็นยังไง ทิศทางดีไหม แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สอนเรานะครับ เพียงแต่เราติดรถไปด้วย ไปขับรถให้ มันก็ซึมซับมา ผมว่าทุกคนก็เป็นครูให้เรา แต่ก็จะมีไอดอลที่ชอบๆ อย่างคุณอนันต์ อัศวโภคิน เจ้าของ Land and Houses ก็เป็นไอดอลคนหนึ่ง เพราะเขาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นห้าง หมู่บ้าน โรงแรม เรียกว่าครบทุกอย่าง

จากการทำธุรกิจในด้านนี้มาหลายปี คุณโชติกรสังเกตเห็นแนวคิดของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใด
แนวคิดเรื่องบ้าน ที่ดิน และสินทรัพย์เปลี่ยนไปด้วยหลายปัจจัยครับ ทั้งเรื่องของการขยายตัวของสังคม โครงสร้างของครอบครัว การใช้ชีวิตในปัจจุบัน อย่างในอดีต บ้านก็คือสินทรัพย์และเป็นมรดกที่ตกทอดกัน แต่ทุกวันนี้มุมมองเปลี่ยนไป บ้านอาจจะไม่ใช่สินทรัพย์และมรดกเพียงอย่างเดียว แต่ยังสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้อยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน คุณภาพชีวิตที่พัฒนาขึ้นจากบ้านหลังที่เราอยู่ แล้วโครงสร้างของครอบครัวก็เปลี่ยนจากครอบครัวใหญ่อยู่กันหลายคนไปสู่ครอบครัวเดี่ยวหรือครอบครัวขนาดเล็ก เลยมีความต้องการโครงการบ้านและคอนโดขนาดเล็กมากขึ้น โครงการที่พื้นที่น้อยแต่ฟังก์ชันการใช้งานค่อนข้างครบเป็นที่ตอบโจทย์ แต่ในขณะเดียวกัน ครอบครัวใหญ่สมาชิกเยอะเขาก็ต้องการโครงการใหญ่ เพราะต้องการพื้นที่ใช้สอยจำนวนมาก ส่วนกลางที่เป็นระเบียบ พื้นที่ที่มีปลอดภัย การออกแบบวัสดุอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้ระยะยาว และทาง Asset Five Group เองก็มีความตั้งใจมุ่งมั่นพัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์ของผู้คนในทุกกลุ่มครับ

คุณศุภโชคมองว่ามีผู้ชนะที่แท้จริงในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยหรือไม่ ทั้งในแง่ของผู้ประกอบการ ผู้ซื้อหรือแม้แต่ภาครัฐก็ตาม
ผมเคยได้ยินคำว่า “ความสำเร็จดีใจได้แค่วันเดียว” วันนี้ชนะ พรุ่งนี้คุณอาจจะแพ้ก็ได้ เพราะฉะนั้น ผมว่ามันมีแต่การเรียนรู้นะ ผมชอบพูดเสมอว่า ประสบการณ์มันเป็นปุ๋ยของความสำเร็จ ฉะนั้นจะเป็นปุ๋ยที่ดีได้ คุณก็ต้องเรียนรู้จากข้อผิดพลาด ประมวลผล แล้วก็ไปต่อ ซึ่งคุณก็จะผิดอีกแหละ แต่อย่าผิดซ้ำบ่อยๆ นะครับ มันไม่ดี ผมว่าอันนี้คือคีย์ คนชนะวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะไม่ชนะ ผมว่ามันมีแต่ “ได้เรียนรู้” หรือ “ไม่ได้เรียนรู้”

[คุณโชติกร] ผมว่าความผิดพลาดมันทำให้ชั่วโมงบินเราสูงขึ้น ถ้าไม่มีความผิดพลาดเราก็อาจจะไม่ได้จดจำจากประสบการณ์จริง ฉะนั้นความผิดพลาดก็ถือว่าเป็นครูสำหรับผมครับ

คุณโชติกร ปัญจทรัพย์

เรื่องไลฟ์สไตล์นอกเหนือจากการทำงาน วันหยุดคุณศุภโชคและคุณโชติกรชอบทำอะไร เล่นกีฬาอะไร
[คุณศุภโชค] ปกติส่วนใหญ่ถ้ามีเวลาว่าง ผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับครอบครัว ส่วนใหญ่ก็จะให้เวลากับลูกและภรรยาเป็นหลัก และสิ่งที่ผมชอบแน่ๆ คือการออกกำลังกายครับ ซึ่ง Asset Five Group เรามีคัลเจอร์ในการเก็บแคลอรี ขั้นต่ำอย่างน้อยๆ คือเดือนละ 10 กิโลเมตร จริงๆ ไม่ได้เยอะนะครับ ก็อาทิตย์ละ 2.5 กิโลเมตรเอง ไม่จำเป็นต้องวิ่งก็ได้ 1 กิโลเมตร เท่ากับ 80 แคลอรี ใครจะไปเล่นโยคะหรือปั่นจักรยานก็ได้ เพราะเรารู้สึกว่าร่างกายและจิตใจมันสัมพันธ์กัน ถ้าร่างกายดี จิตใจก็ปลอดโปร่ง จริงๆ ผมมีงานอดิเรกเยอะ แต่ก็ทำได้ไม่กี่อย่าง เพราะเวลาก็หมดไปกับลูกแล้ว ก็จะมีเทนนิส ออกกำลัง เล่นดนตรี ถ้าว่างก็ฟังพอดแคสต์ อ่านหนังสือ แค่นั้นก็หมดเวลาแล้วครับ

[คุณโชติกร] เมื่อก่อนผมเองก็ชอบเล่นกีตาร์ หรือไปดูคอนเสิร์ต ดูหนัง หรือท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วก็ไปออกกำลังกาย ลักษณะคล้ายๆ กัน เมื่อก่อนก็เคยเล่นไตรกีฬา ทุกวันนี้ก็อาจจะไม่ได้เล่นหนักเท่านั้นแล้ว เราเป็นครอบครัวที่ชอบเล่นกีฬาครับ ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ทุกคนไม่ว่าจะคุณพ่อ คุณอา ทุกคนในบ้านก็จะออกกำลังกายทุกวัน เราให้ความสำคัญกับฟิตเนสในบ้านมากเลยครับ

คุณโชติกรมีหลักการ กฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขในการให้รางวัลตนเองอย่างไร
ปกติเวลาจะให้รางวัลตัวเองก็จะต้องมีเป้าหมาย มีความเหมาะสม แล้วก็มีความตั้งใจ สามอย่างนี้จะสัมพันธ์กัน เวลาที่ทำงานใดงานหนึ่งบรรลุผลสำเร็จ ผมก็จะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปท่องเที่ยวเชิงผจญภัยบ้าง หรือไปต่างประเทศ สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ๆ เจอผู้คนใหม่ๆ สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ อากาศใหม่ๆ ก็จะทำให้มีแรงจูงใจในการทำงาน ในการคิดสิ่งใหม่ๆ ครับ

คุณโชติกรใช้ของแบรนด์เนมต่างๆ เยอะหรือไม่ มีแนวโน้มจะใช้เงินกับเรื่องใดมาก หรือชอบสะสมของประเภทใด
แล้วแต่โอกาสมากกว่าครับ ไม่ได้จำเป็นว่าจะต้องเป็นของมีราคาแพงเสมอไป แต่ของที่ชอบโดยมากจะมีคุณค่าทางจิตใจครับ ก็จะมีเรื่องนาฬิกาและเรื่องไวน์ นาฬิกาชอบเพราะมองเป็นงานศิลปะ คือมีความประณีตของผู้ผลิต เรื่องราวของนาฬิกาแต่ละเรือน ความตั้งใจของผู้ออกแบบ ไม่ว่าจะถูกหรือแพงก็ชอบหมด ผมชอบเรื่องกลไก มูฟเมนต์ ความสลับซับซ้อน ฟันเฟือง เรื่องต่างๆ ของนาฬิกาทำให้ผมหลงใหล ชอบอ่านหนังสือนาฬิกา เข้าไปดูเว็บไซต์ต่างๆ เพื่อหาข้อมูล ส่วนเรื่องของไวน์ ผมไม่ได้มองว่ามันเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเรื่องความมึนเมาอย่างเดียว ผมมองว่ามันมีวัฒนธรรมของผู้ผลิตแต่ละประเทศ มันสัมพันธ์กันทั้งดินฟ้าอากาศ ฝน การหมัก การบ่ม การบรรจุขวด แต่ละปีก็แตกต่างกันไป รสชาติไวน์แต่ละปีแต่ละไร่ก็ต่างกันไปด้วย อย่างไวน์ก็ว่าเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งที่มีมูลค่าเพิ่มตามกาลเวลา แล้วก็สามารถส่งมอบให้ลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปได้

สุดท้ายนี้ทั้งสองท่านอยากฝากข้อคิดอะไรเกี่ยวกับการใช้ชีวิตหรือการทำงานให้กับคนรุ่นใหม่หรือผู้ประกอบการรุ่นใหม่บ้าง
[คุณโชติกร] มุมมองการใช้ชีวิตผมว่ามันก็ขึ้นอยู่กับความชอบเป็นหลัก แต่ความชอบของเราต้องไม่ไปทำให้ใครเดือดร้อน ผิดกฎหมาย หรือผิดกฎเกณฑ์อะไรของสังคม บางคนชอบเพลงร็อค บางคนชอบฮาร์ดคอร์ บางคนชอบฮิปฮอป ความชอบทุกอย่างไม่มีสิ่งที่ผิด เป็นความชอบส่วนตัว ทำให้เรามีความบันเทิงใจ มีความรู้สึกผ่อนคลาย เวลาที่เราว่างจากงานหรือว่าจากอะไรเครียดๆ สิ่งที่เราชอบมันก็ช่วยทำให้เรามีความสุขครับ

[คุณศุภโชค] ต้องใช้ชีวิตให้มีความสุข การทำงานหนักไปก็ไม่ดี ต้องใช้ชีวิตด้วย แต่คีย์สำคัญจะทำอะไรให้ดีได้ มันก็ต้องชอบ ต้องหาให้เจอว่าเรารักเราชอบอะไร อย่างที่ Asset Five Group เราใช้ใจสร้างบ้าน ก็คือ ทุกคนรู้และเห็นคุณค่าของงานที่เขาทำว่างานนี้มันประกอบร่างรวมกันแล้วกลายเป็นมาสเตอร์พีซชิ้นหนึ่ง ต้องหาให้เจอว่าเรารักอะไร ถ้ายังหาไม่เจอก็เห็นคุณค่ามันก่อนว่าเราทำไปเพื่ออะไร ถ้ารู้แล้วความรักมันก็จะมา พอทำทุกอย่างได้ดี ก็มีความสุข เอเนอร์จี้ก็จะดี คุณก็จะเอาความสุขจากที่ทำงานกลับไปที่บ้าน แล้วถ้าที่บ้านคุณดี ชีวิตครอบครัวดี กลับไปทำงานก็มีความสุข ฉะนั้น ผมว่าความสุขสำคัญ ต้องสุขที่บ้านและสุขที่ทำงานด้วยครับ

[คุณโชติกร] ทำอะไรก็ตามต้องมีแพชชั่น อย่างคำภาษาอังกฤษที่ว่า “เวิร์คฮาร์ด เพลย์ฮาร์ดเดอร์” ถ้าคุณทำงานหนัก แล้วเที่ยวเล่นให้หนักกว่า คุณก็จะไม่รู้สึกผิด แต่ถ้าทำงานไม่หนักพอ เอาแต่เที่ยวเล่น มันก็อาจจะทำให้คุณไม่ประสบความสำเร็จ งานการทุกอย่างมาจากความตั้งใจ ความอุตสาหะ และการลงแรงเป็นที่ตั้ง ไม่มีงานไหนที่ทำแล้วได้มาง่ายๆ หรือได้มาฟรีๆ ครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง: Pitt Karchai and His Evolving Living Spaces

Get Exclusive Connections with LUXUO Thailand
Join us today
Connect!
Close
Join us for exclusive access to Luxuo Thailand's contents and events
Subscribe
close-image