ทิศทางธุรกิจและอนาคตหลังล็อคดาวน์ของธุรกิจโคเวิร์คกิ้งสเปซ The Great Room
บทความ: LuxuoTH ภาพ: The Great Room
ทีมงานของเราคุ้นเคยกับ The Great Room เป็นอย่างดีเพราะว่าเคยไปอีเวนท์ที่นี่สมัยก่อน Covid และเคยใช้งานพื้นที่บางส่วนเพื่องานของเราเองด้วย โคเวิร์คกิ้งสเปซแห่งนี้แตกต่างจากที่อื่นด้วยดีไซน์ที่ภูมิฐาน และขนาดที่ใหญ่ถึง 30,000 ตารางฟุตบนชั้น 25 และ 26 ของ Gaysorn Tower ด้วยความเพียบพร้อมเช่นนี้เราจึงนึกอยากสัมภาษณ์คุณเจแอล อัง ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัททันทีที่รัฐบาลประกาศคลายล็อคดาวน์ เพื่อให้เห็นว่าแบรนด์อายุ 5 ปีนี้จะก้าวต่อไปในทิศทางใดในประเทศไทย สิงคโปร์ ฮ่องกงและเมืองใหญ่อื่นๆ ที่จะได้ขยายกิจการต่อไปจากนี้
ชื่อ The Great Room นี้มีที่มาจากอะไรครับ
คฤหาสน์ใหญ่โตในสมัยก่อนจะมีพื้นที่ว่างที่ดูยิ่งใหญ่แต่ว่างเปล่า เอาไว้ใช้เพื่อกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นทางการ ซึ่งพื้นที่นี้ก็ได้พัฒนาจนกลายเป็นเดอะเกรทรูมหรือห้องโถงใหญ่ซึ่งเป็นศูนย์กลางของบ้านที่มีหลากหลายหน้าที่ ไม่ว่าจะใช้เป็นห้องรับแขก ห้องอ่านหนังสือและห้องทานอาหาร ทุกคนจะใช้เวลาอยู่ในห้องโถงใหญ่นี้ ที่ซึ่งมีผู้คนและอาหารที่จะคอยเติมเต็มให้อิ่มทั้งท้องและอิ่มทั้งใจ นี่คือที่มาของชื่อ The Great Room ของเราค่ะ
The Great Room สาขากรุงเทพนั้นมีทำเลที่ดีมาก แต่ไม่แน่ใจว่าคุณเคยคิดจะทำเป็น 2 สาขาเล็ก แทนที่จะเป็นสาขาใหญ่ที่มี 2 ชั้นแบบนี้หรือไม่ครับ อยากทราบเหตุผลที่ต้องทำให้ใหญ่ขนาดนี้
คนเขาอยากจะมาประชุมแบบ 3 ชั่วโมงกันที่นี่ มากินกาแฟ มาหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ จากการทำงานนอกสถานที่หรือเข้าร่วมเวิร์คช็อป และเขาต้องการที่จะเข้าสังคมกันในพื้นที่ตรงนี้ ดังนั้นเราจึงพยายามสร้างอะไรต่างๆ เพื่อมาตอบโจทย์ตรงนี้ เรามีพื้นที่หลากหลายระดับให้ทุกคนได้ใช้ประโยชน์ บางครั้งอาจจะใช้นั่งคิดอะไรคนเดียว บางครั้งอาจจะใช้นั่งทำงานร่วมกัน เรามีแม้แต่พื้นที่สำหรับความเสี่ยง อารมณ์ขันและความเพลิดเพลินใจ ซึ่งเราไม่สามารถทำทุกสิ่งนี้ได้ถ้าเราคิดการเล็กเกินไป การมีสถานที่ที่กว้างขวางทำให้เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกดีๆ เพื่อการตอบโจทย์ความต้องการและความใฝ่ฝันของสมาชิกของเราได้ค่ะ
คุณคิดว่าสัดส่วนลูกค้าต่างชาติและลูกค้าชาวไทยที่ The Great Room สาขากรุงเทพจะเปลี่ยนไปอีกหรือไม่หลังจากที่เปิดประเทศแล้ว
เราเป็นสังคมที่ไม่แบ่งแยกนะคะ และเราไม่ได้แยกหรือเฝ้าติดตามว่าเรามีสมาชิกเป็นคนในประเทศและชาวต่างประเทศจำนวนเท่าใด แต่เรามีลูกค้าที่เป็นทั้งบริษัทในประเทศและบริษัทข้ามชาติจากแวดวงต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการเงิน เทคโนโลยี บริการด้านวิชาชีพ แบรนด์ระดับลักชัวรี และองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางแห่งการเชื่อมต่อที่มีความสากลเป็นอย่างมาก เมื่อเปิดประเทศแล้วก็เชื่อว่าจะต้องมีกิจกรรมทางด้านธุรกิจระหว่างประเทศและนักเดินทางจำนวนมากขึ้นอย่างแน่นอน
ลูกค้าที่ใช้บริการในรูปแบบ Hot Desk และ Day Pass ของคุณอายุเฉลี่ยประมาณกี่ปี และทำไมเขาจึงเลือกใช้บริการของ The Great Room ไม่ใช่ที่อื่น
สมาชิกของ The Great Room อยู่ในกลุ่มโกรว์นอัพมากกว่าสตาร์ทอัพค่ะ นี่คือเซ็กเมนต์ที่น่าสนใจแต่มีเงื่อนไขสูงและพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซส่วนมากละเลยไป ที่พูดนี้คือเรื่องไมน์เซ็ทนะคะ ไม่ใช่เรื่องอายุหรือกลุ่มประชากร เราเน้นเรื่องการออกแบบและการดูแลผู้มาใช้บริการเป็นสำคัญ สมาชิกของเราโดยทั่วไปแล้วก็เป็นผู้บริโภคที่อยากได้ทุกสิ่ง อยากได้ดีไซน์ที่สวยงาม อยากได้ทำเลที่ดีที่สุด อยากได้เทคโนโลยีระดับองค์กรใหญ่ และอยากจะอยู่ในสังคมที่มีผู้คนมีความคิดเหมือนกับตน ดังนั้นคนจึงมาที่เราเพราะว่าเราสามารถมอบสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสม่ำเสมอและด้วยความจริงใจค่ะ
แล้วคุณจะทำอย่างไรให้คนอยากออกจากบ้านมานั่งทำงานข้างนอกในยุคสมัยนี้ที่คนกังวลเรื่องความเสี่ยงด้านสุขภาพมากกว่าแต่ก่อน
วิกฤตการณ์ในครั้งนี้ทำให้หลายบริษัทได้เรียนรู้ว่าการทำงานที่บ้านนั้นสามารถมีประสิทธิภาพได้มากกว่าที่เขาคาด จากนี้ไปพนักงานจะต้องการรูปแบบการเข้างานที่ยืดหยุ่นมากกว่าเดิม และเขาเหล่านั้นจะมีโอกาสในการเลือกว่าจะทำงานที่ใด โดยขึ้นอยู่กับความสะดวกและความชอบของตน อย่างไรก็ดี บริษัทและทีมต่างๆ จะยังต้องการพื้นที่จริงๆ เพื่อการทำงานร่วมกัน เพื่อการใช้เทคโนโลยี เพื่อการพบปะกับเพื่อนร่วมงานและลูกค้า เมื่อถึงจุดนั้นคนจะอยากพบปะและมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกันมากขึ้นค่ะ
เดี๋ยวนี้คนเข้าใจเรื่องบริการในรูปแบบฟิจิตอลมากขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วคุณคิดจะให้บริการในลักษณะดังกล่าวบ้างหรือไม่
ตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดโควิด บริษัทของเราก็เชื่อเรื่องการเชื่อมโยงระหว่างโลกจริงและโลกดิจิตอลอยู่แล้วในกิจกรรมทางสังคมและงานทางด้านการตลาดของเรา และจากนั้นมาเราก็มีการยกระดับในทุกกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้และเพื่อการสร้างเครือข่ายของเราที่ The Great Room จนเป็นที่ยอมรับอย่างดีจากสมาชิกของเรา อีเวนท์ในรูปแบบฟิจิตอลที่ดึงดูดให้คนมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างมาก ได้แก่ กิจกรรมเมอร์เดอร์มิสเตอรี กิจกรรมค็อกเทลมาสเตอร์คลาส และกิจกรรมเสวนาระหว่างผู้เชี่ยวชาญซึ่งนำมูลค่าเพิ่มมาสู่สมาชิกของเราได้
คุณได้ทำอะไรไปแล้วบ้างเพื่อให้ The Great Room พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะทำให้ธุรกิจของคุณสะดุดได้อีกในอนาคต
ทุกบริษัทต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่รุนแรงยิ่งกว่ายุคสมัยใด และจะเริ่มเลือกใช้บริการพื้นที่สำนักงานแบบแชร์พื้นที่เพื่อลดการผูกมัดในระยะยาวและลดการจ่ายเงินก้อนใหญ่ วิกฤตในครั้งนี้ทำให้หลายบริษัทต้องการมีสำนักงานที่คล่องตัวยิ่งกว่าเดิม กระจายตัวยิ่งกว่าเดิม และสามารถรองรับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องได้ดีกว่าเดิมแม้ว่าจะต้องประสบกับความไม่แน่นอนในวงจรธุรกิจก็ตาม บริษัทและเจ้าของอาคารได้ตระหนักแล้วว่าการสร้างสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยและเอื้ออำนวยต่อผลิตผลนั้นจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความรู้เฉพาะทางจริงๆ
สถานที่ทำงานแบบโคเวิร์คกิ้งจะต้องไม่โตในแง่ของขนาดเท่านั้น แต่จะต้องโตในแง่ของการมอบคุณภาพที่สูงกว่าเดิม ในแง่ของการมอบคอนเทนท์ที่สอดคล้องกับความสนใจของสมาชิกมากกว่าเดิม และในแง่ของความคุ้มค่าโดยรวมสำหรับลูกค้าแต่ละเซ็กเมนท์ The Great Room มีความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มโกรว์นอัพและบริษัทในกลุ่ม Fortune 1000 ทุกวันนี้เราก็วางแผนจะเปิดสาขาใหม่อยู่แล้วในตลาดเดิมที่เราเริ่มไปแล้วซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย สำหรับสาขาใหม่ในกรุงเทพนั้นเราจะมุ่งมั่นขับเคลื่อนใน 3 ด้านด้วยกัน เรื่องของสุขภาพอนามัยจะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าแต่ก่อนแน่นอน คนจะพบกันซึ่งหน้าน้อยลง (โลว์ทัช) แต่ในแต่ละจุดที่ได้พบกันนั้นก็จะมีความหมายยิ่งกว่าเดิม สถานที่ทำงานจะต้องไม่คิดเรื่องการจัดที่นั่งให้ได้จำนวนคนมากที่สุดต่อตารางฟุตอีกต่อไป แต่จะต้องเป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้สมัยใหม่และการสร้างเครือข่ายทางสังคมอย่างแท้จริง
แล้วเราจะได้เห็น The Great Room สาขาใหม่ๆ ในเมืองอะไรอีกครับ
เราจะเปิดสาขาเพิ่มในเมืองที่สมาชิกของเราต้องการขยายธุรกิจ กรุงเทพมหานคร สิงคโปร์และฮ่องกงเป็นฮับสำคัญของเอเชียซึ่งมีบรรยากาศทางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ที่คึกคักจนเป็นที่ดึงดูดใจของบริษัทระดับโลกและระดับภูมิภาคจำนวนมาก ในทำนองเดียวกันนี้เอง The Great Room พยายามที่จะอยู่ในเมืองในแถบเอเชียแปซิฟิกที่ผู้นำทางธุรกิจและผู้มีอำนาจตัดสินใจต้องการที่จะทำธุรกิจของตน ซึ่งก็คือเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง โตเกียวและซิดนีย์ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง: The Standard Coming to Hua Hin, Bangkok and More Destinations
Jaelle Ang shares how her firm is ready to seize growth opportunities by targeting the right segment post-pandemic.
Words: LuxuoTH Photo: The Great Room
Our team is quite familiar with The Great Room: the massive, flexible working space sprawling 30,000 square feet across the 25th and the 26th floor of Gaysorn Tower. We have even attended a couple of events there pre-pandemic, and used their facility for our business in the past. With the lockdown being eased in Bangkok, and the prospect of border re-opening later in the year, we thought to speak with The Great Room CEO and Co-Founder Jaelle Ang on what the future holds for her 5-year-old firm in Thailand, Singapore, Hong Kong and beyond.
What inspired the name “The Great Room” in the first place?
In the grand mansions of the golden age, there used to be very formal and buttoned up spaces that is often stately but empty. It evolved to the creation of the Great Room which is the heart of the house and it combines the roles of several traditional formal rooms like the reception room, study and dining hall. Everyone hangs out at the Great Room, there is always wonderful company and food that feeds the tummy and the soul. That is how The Great Room came to be.
Your Bangkok facility is at a superb location. But did you at one time consider two smaller locations instead of two floors at a single location? What was the rationale behind this large size?
Design is a large part of The Great Room’s DNA. We believe in the power of the interior to amplify and express a brand, our intentions and to drive the right conversations around the table. To us at The Great Room, design is beyond aesthetic. It is a thought process, a skill, a lens for a life better lived. Hospitality is really a way of taking care of people. It is making every touchpoint as human-centered as possible and every amenity value-adding as possible.
People want to have their three-hour meetings there, they want a great coffee, they want to be inspired at their off-sites or workshops, and they want to socialise in these spaces. So that’s what we’ve tried to create. There are layers of spaces that let people thrive – sometimes that is allowing contemplation, other times, it is to allow collaboration. Even spaces for risks, for humour, for delight. We can’t create the whole suite of spaces if our ambition is too small. A large footprint allows us to have very compelling amenities that properly serves our members’ needs and ambitions.
Do you anticipate the ratio of local and foreign customers at your Bangkok location to change after Thailand reopens borders?
We are an inclusive community and do not separate and track local and foreign members. We do have a very vibrant mix of local companies and MNCs across a diverse spectrum of industries from finance, technology, professional services, luxury brands and non-profits. Thailand is a very cosmopolitan and connected hub, when borders reopen, there will no doubt be increased cross-border business activity and travellers.
What is the average age of your Hot Desk and Day Pass customers? And why are they attracted to you and not your competitors?
The Great Room’s members are grown-ups rather than start-ups and this is a demanding but attractive segment previously neglected by many co-working spaces. We mean this by mind-set and not by age or demographic segment. We are design-led and hospitality-focused. Our typical member wants to have it all – a great design, best locations, enterprise level technology and to be part of a like-minded community. And being to deliver that consistently and passionately is why our members come to us.
Going forward, how do you plan to encourage people to leave home and work outside where they are more exposed to health risks?
Through the crisis, many companies have learned that working from home can be more effective than expected. Employees will demand more flexible arrangements in the future and will have an opportunity to choose where they want to work based on convenience and preferences. However, companies and teams will still see the need for physical space to collaborate, benefit from technology, and see colleagues and clients. And people will continue to crave in-person, social interactions in their lives more than ever.
Will you offer some form of phygital-oriented services now that the public is warming up to it?
Even before the pandemic, we have always been a believer of seamlessly transitioning between physical and digital for our community activities and marketing outreach. We have since done even more of that across our suite of learning, community and social events at The Great Room to great response from members. We have created highly immersive phygital events including a murder mystery, cocktail masterclasses, expert panel chats to continue to bring value to our members.
What are the measures you have implemented to make The Great Room more resilient towards future business disruptions?
More than ever, companies are facing extreme uncertainty and are turning to shared offices to minimise long-term commitments and major capital outlays. For companies, the crisis emphasised an urgent need to move to a real estate model that is more agile, distributed and better supports business continuity and more uncertain business cycles. Companies and landlords have realised that providing a productive and safe workplace that people will choose to come to requires real expertise and specialisation.
Co-working must grow not just in square footage but in the delivery of better quality spaces, more relevant content to engage members and an overall stronger price-value proposition for the different segments of demand. The Great Room is dedicated to the needs of grown-ups and Fortune 1000 companies. We are eagerly working on new properties in our existing markets including Bangkok. For our next property in Bangkok, we will be relentless in pushing boundaries on three fronts. Wellness will become more important than ever. Less face time in person (low-touch) but each touchpoint would demand deeper engagement. Workspaces to be much more than fitting more headcount per square foot; but be a modern agora of learning and a social network.
In what new cities should we expect new TGR locations?
We grow where our members want to grow their businesses. Bangkok, Singapore and Hong Kong are key hubs in Asia with vibrant business and lifestyle scenes which is attractive for many global and regional businesses. Along the same thread, The Great Room endeavour to be in cities in Asia-Pacific where business leaders and decision makers want to conduct their businesses – that will be cities like Shanghai, Beijing, Tokyo and Sydney.
See also: The Standard Coming to Hua Hin, Bangkok and More Destinations