สถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้โลกปั่นป่วนอย่างต่อเนื่องส่งผลให้สิงคโปร์เป็นประเทศที่น่าอยู่ยิ่งขึ้นสำหรับเหล่าเศรษฐีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจากประเทศอื่นๆ ในโลก
บทความ: เอบรัม ยัม ภาพเปิด: Shutterstock
บรรดามหาเศรษฐีในภาพยนตร์เรื่อง Crazy Rich Asians อาจจะเป็นเพียงแค่ตัวละคร แต่ในนั้นก็มีองค์ประกอบแห่งความเป็นจริงอยู่ เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สิงคโปร์เป็นประเทศที่ครอบครัวคนมีเงินจากหลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้ย้ายไปตั้งรกราก ส่งผลให้อุปสงค์ของผลิตภัณฑ์และบริการระดับไฮเอ็นด์ในประเทศสิงคโปร์เพิ่มสูงขึ้นด้วย เป็นการปรับโฉมหน้าเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง
และจากเดิมที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่หลายครอบครัวเลือกเดินทางไปท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นระยะเวลาสั้นๆ อยู่แล้ว พอมีปัญหาเรื่องโรคระบาดเกิดขึ้น เราจึงยิ่งเห็นครอบครัวผู้มีอันจะกินเหล่านี้อพยพย้ายถิ่นฐานมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปักหลักอยู่ที่สิงคโปร์กันมากยิ่งขึ้น เพื่อรอวันให้พายุลูกโตนี้พัดผ่านไป
สาเหตุที่เหล่าเศรษฐีเลือกให้ความมั่นใจในสิงคโปร์ก็เพราะว่าประเทศนี้มีชื่อเสียงดีทั้งในเรื่องเสถียรภาพและความปลอดภัยซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ในสภาพการณ์เช่นนี้ ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกินส์ ระบุว่าอัตราการเสียชีวิตในประเทศสิงคโปร์ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้างมาก หากจะเปรียบไปแล้ว มาเลเซียและอินโดนีเซียมีอัตราการเสียชีวิตสูงกว่าสิงคโปร์กว่า 10 เท่าและ 30 เท่าเลยทีเดียว
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ครอบครัวจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน และประเทศอื่นๆ เลือกที่จะมาพำนักอยู่ที่สิงคโปร์ในขณะที่รอให้สถานการณ์โรคระบาดของโลกคลี่คลายตัวลง และแน่นอนว่าเมื่อมีเม็ดเงินจำนวนมากเช่นนี้หลั่งไหลเข้ามาในประเทศ เศรษฐกิจของประเทศก็ย่อมได้รับผลกระทบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ประการแรกก็คือจำนวน single family office หรือกองทุนครอบครัวเดี่ยวที่มีการจัดตั้งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ปัจจุบันมีมากถึงประมาณ 400 กองทุนแล้วซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าช่วงปลายปี ค.ศ. 2019 ถึงสองเท่า ส่วนมากจะเป็นกองทุนของลูกค้าชาวจีน รองลงมาคือชาวอินเดียและชาวอินโดนีเซีย
ฮาริช บาล ผู้ก่อตั้ง Smile Group เผยว่าในช่วงเวลากว่า 20 ปีที่เขาดำเนินกิจการเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีมาไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่จะมีลูกค้าระดับมั่งคั่งให้เขาได้เห็นเป็นจำนวนมากเท่านี้มาก่อน “ตั้งแต่ที่เกิดขึ้นโควิด เศรษฐีระดับพันล้านจากทั่วโลกก็มาพำนักอยู่ที่สิงคโปร์เป็นระยะเวลานานขึ้น บ้างก็มาจากจีน อินโดนีเซีย อินเดียและสหรัฐอเมริกา”
นโยบายอย่างเช่น GIP (Global Investors Program) หรือโครงการนักลงทุนโลกของสิงคโปร์ทำให้เศรษฐีต่างชาติมาปักหลักเป็นผู้พำนักอาศัยถาวรในประเทศได้ง่ายขึ้น ขอเพียงเจ้าของกิจการและครอบครัวที่มีกิจการมา “ลงทุนเป็นมูลค่า 2.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ในธุรกิจในประเทศ กองทุน หรือกองทุนครอบครัวซึ่งมีทรัพย์สินมูลค่าอย่างน้อย 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์” ไม่เพียงเท่านั้น MAS (Monetary Authority of Singapore) หรือองค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ยังมีการเปิดรูปแบบการจดทะเบียนบริษัทเงินทุนผันแปร (Variable Capital Company หรือ VCC) อีกด้วยจนเป็นที่สนใจของกองทุนครอบครัว กองทุนเฮดจ์และบริษัทบริหารเงินลงทุนต่างๆ
เมื่อสิงคโปร์มีจำนวนเศรษฐีมากขึ้น ความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการระดับลักชัวรี่ก็เพิ่มขึ้นตามด้วย ก่อนที่สิงคโปร์จะใช้มาตรการห้ามนั่งทานอาหารในร้านนั้น ร้านอาหารระดับไฟน์ไดนิ่งอย่างเช่น Odette ซึ่งมีดีกรี 3 ดาวมิชลินก็มีคิวจองยาวเหยียดนานหลายเดือน สตีเวน เมสัน ผู้จัดการทั่วไปและผู้อำนวยการฝ่ายการดำเนินงานของ Odette กล่าวว่า “ช่วงหลายเดือนก่อนนั้นเรามีลูกค้าชาวอินโดนีเซียเป็นจำนวนมากที่พยายามมาทานอาหารที่ร้านทุก 2-3 สัปดาห์”
ความต้องการสมัครสมาชิกสนามกอล์ฟก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากด้วย ทำให้ค่าสมาชิกสูงขึ้นไปอีก อย่างเช่น Sentosa Golf Club ที่มีราคาสูงขึ้น 40% จากช่วงก่อนโควิด รถยนต์ก็เช่นเดียวกันเพราะว่ามีการขายรถระดับไฮเอ็นด์ให้กับชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น 50-60% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า วินเซนต์ แทน ผู้ก่อตั้งบริษัทผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ระดับหรู Vincar กล่าวว่าชาวจีนเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด และแบรนด์ที่เจ้าของธุรกิจชาวต่างชาตินิยมที่สุดคือ Roll-Royce, Bentley, Porsche และ Mercedes
ขอสรุปจบว่าสิงคโปร์มีชื่อเสียงดีในฐานะประเทศที่มีเสถียรภาพและความปลอดภัยจึงเป็นที่หลบภัยของเศรษฐีผู้มีความมั่งคั่งซึ่งต้องการรอให้สถานการณ์โรคระบาดทั่วโลกสิ้นสุดลง เม็ดเงินและเงินลงทุนที่หลั่งไหลเข้ามาช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศได้ค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ และอุปสงค์ของผลิตภัณฑ์และบริการระดับลักชัวรี่มีเพิ่มสูงขึ้น เมื่อมองในระยะยาวแล้ว ครอบครัวผู้มีอันจะกินเหล่านี้ก็น่าจะเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์ต่อไปเมื่อโควิดจบและตัวเมืองกลับมาคึกคักเท่าระดับปกติอีกครั้ง
บทความที่เกี่ยวข้อง: Travel Trends To Look Out for Post-Covid-19
With the global pandemic turning the world upside down, Singapore has become a haven for some of the richest people in Southeast Asia and the world.
Words: Abram Yum Opening Photo: Shutterstock
While the wealthy tycoons in Crazy Rich Asians might just be fictional characters, there is some truth in that story. In recent years, some of the wealthiest families in the region have been flocking to Singapore’s sunny shores and made the city their home. As a result of the influx of wealth, there has been an increase in demand for high-end goods and services within the city-state, reshaping the local economy.
Singapore has always been a prime destination for wealthy families in the region looking for a short vacation. However, with the recent pandemic sweeping across the globe, Singapore has started to see an increase in the number of wealthy families migrating into the country and buying up real estate to weather the storm.
The country’s current status as a safe haven for super rich is due to Singapore’s strong reputation of stability and security, which are particularly salient issues given the current climate. According to data from John Hopkins University, the mortality rate in Singapore has been markedly lower compared to many of its neighbours. Referring to said data, Malaysia and Indonesia are facing mortality rates exceeding 10 and 30 times the percentage experienced in Singapore.
Given the phenomenal stability and security Singapore has managed to establish in this current climate, it is little wonder that families from Indonesia, Malaysia and China, to name a few countries, are choosing to ride out the storm here. Of course, with the amount of wealth now flowing around Singapore, it is bound to affect the local economy in one way or another.
Firstly, there has been a significant increase in the number of single family offices being set up in the country. The current number stands at around 400, which is twice the number at the end of 2019. Chinese clients are responsible for opening the most new accounts, followed by Indian and then Indonesian clients.
According to Harish Bahl, the founder of Smile Group which focuses on tech investments, this represents the largest number of super rich clients he has met in his 20-plus years of experience. Bahl says, “Since the pandemic, billionaires from all over the world have been staying on longer in Singapore, including those from China, Indonesia, India and the US”.
With initiatives like the Global Investors Program (GIP), Singapore has made it simpler for wealthy tycoons to settle down. The program gives business owners and families a shortcut to permanent residency provided they “invest SGD 2.5 million in a local business, certain funds or a family office with at least SGD 200 million in assets.” Additionally, the Monetary Authority of Singapore (MAS) introduced the Variable Capital Company (VCC) which enhances the attraction for family offices, hedge funds and private equity firms.
As the numbers of the super rich rose in Singapore, so too did the demand for luxury products and services. Prior to the new measures which prohibited dining-in, fine dining restaurants such as the three-Michelin-star Odette were completely booked for months. “We have a lot of Indonesians, for example, over the past few months trying to come in every two to three weeks,” commented Odette’s General Manager and Operations Director Steven Mason.
Demands for golf club memberships have also increased significantly, driving up prices. The Sentosa Golf Club, for example, saw increases of 40% from pre-covid prices. The same can be said of the automotive industry, with sales of high-end cars to foreigners rising between 50-60% compared to a year before. According to Vincent Tan, founder of the luxury car dealer, Vincar, the Chinese make up the largest percentage of clients, with Roll-Royce, Bentley, Porsche and Mercedes being the most popular brands amongst foreign business owners.
To summarise, Singapore’s reputation as stable and secure city-state have made it into a sanctuary of sorts for the super rich to wait out the global pandemic. With the influx of wealth and investments, the nation’s economy is doing relatively well compared to many of its neighbours as demand for luxury products and services increases. Looking beyond our current situation, it is likely that these families may well choose to prolong their stay as Singapore’s outlook post-covid improves and the bustling city returns to normalcy.
See also: Travel Trends To Look Out for Post-Covid-19