ศาลอิตาลีมีคำสั่งคุ้มครอง Ferrari 250 GTO และยุติการผลิตซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างที่ทำกันมานานหลายปี
บทความ: โจนาธาน โฮ
ศาลอิตาลีในเมืองโบโลญญายื่นมือตอกย้ำตำนานความขลังของรถ Ferrari 250 GTO ด้วยการประกาศว่ารถซุปเปอร์คาร์ระดับคลาสสิกนี้เป็น “งานศิลป์” ซึ่งไม่อาจจะทำซ้ำหรือลอกเลียนแบบได้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีการตัดสินว่ารถรุ่นใดรุ่นหนึ่งในประเทศอิตาลีจัดเป็นงานศิลป์ได้ เดิมทีนั้น Ferrari 250 GTO มีจำนวนการผลิตเพียงแค่ 36 คันระหว่างปี 1962 จนถึงปี 1964 จึงเป็นที่ยกย่องในหมู่นักสะสมรถคลาสสิกว่าเป็นที่สุดของความหายาก และการตัดสินของศาลในครั้งนี้จึงถือเป็นการช่วยปกป้องตำนานบทนี้ของวงการรถได้เป็นอย่างดี
รถยนต์สักคันหนึ่งนั้นไม่ได้ออกแบบมากันได้ง่ายๆ เพราะต้องใช้ทั้งแรงใจ แรงกาย เวลาและเงินทุนอีกหลายล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาจนได้มาซึ่งยนตรกรรมที่ผู้คนมองแล้วรู้สึกว่าน่าชม แต่ถ้าวันหนึ่งมีบริษัทอื่นมาหยิบเอาดีไซน์ที่เลิกผลิตไปแล้วมาทำต่อเองโดยไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้สร้างเดิมก็จบกัน
ดังนั้นเมื่อ Ferrari ได้รับทราบว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งในเมืองโมเดนาของตนวางแผนที่จะผลิตรถหน้าตาเลียนแบบ 250 GTO ออกมาก็ถึงกับช็อคและยื่นเรื่องคัดค้านพร้อมขอรับสิทธิ์ทางกฎหมายในการคุ้มครองดีไซน์และทรัพย์สินทางปัญญาในรถคลาสสิกรุ่นดังกล่าว อนึ่ง ที่ผ่านมานั้นก็มีการผลิตรถเลียนแบบ Ferrari 250 GTO บ้างแต่ก็เป็นการผลิตแบบคัสต้อมเพียงคันเดียวเป็นครั้งคราวเพื่อลูกค้ารายบุคคลเท่านั้น
ดังที่กล่าวข้างต้นว่า Ferrari 250 GTO เป็นรถคลาสสิกที่คนให้คุณค่ามาโดยตลอด แล้วหนึ่งในจำนวน 36 คันที่มีการผลิตแต่เดิมนั้นยังมีการทำราคาสูงสุดในการประมูลเมื่อปี 2018 ด้วยราคาเคาะจบกันไปที่ 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนกลายเป็นรถยนต์ที่มีราคาประมูลสูงที่สุดในโลกไปแล้ว
ข้อมูลจาก Knight Frank Wealth Report ระบุว่ารถคลาสสิกเป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทางเลือกที่มาแรงที่สุดแล้วในเวลานี้ ทำให้ผู้ขายรถหลายรายพยายามสร้าง 250 GTO โดยการเอาอะไหล่และชิ้นส่วนตัวถังมาประกอบกันเองจนเกิดเป็นรถที่มีลักษณะเรียกในภาษาอังกฤษว่า “แฟรงเก้นคาร์” เพราะเป็นการปะติดปะต่อเหมือนแฟรงเก้นสไตน์หรือเทียบเป็นสำนวนไทยว่า “ยำมา” นั่นเอง พฤติกรรมการยำที่ว่านี้พบเห็นได้ในตลาดนาฬิกาวินเทจ Rolex ด้วยเพราะมีผู้ค้าหลายรายพยายามสร้างนาฬิการุ่นราคาแพงขึ้นโดยนำอะไหล่โบราณมาประกอบกันจนได้เป็นเรือนใหม่ และในวงการรถก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ Ferrari เพราะรถคลาสสิกของ Jaguar, Alfa Romeo และแบรนด์ดังระดับตำนานอื่นๆ ก็ล้วนแล้วแต่ประสบปัญหาดังกล่าวทั้งนั้น
After years of unauthorised replication of the legendary Ferrari 250 GTO, an Italian court in Bologna has finally ruled that the practice is illegal.
Words: Jonathan Ho
The Italian Courts in the city of Bologna have further entrenched the Ferrari 250 GTO’s legacy, legally ruling the classic super car a “work of art” protecting it from reproductions and imitations. It’s the first time ever that a car in Italy has been recognised as a work of art. With just 36 models ever made between 1962 and 1964, the Ferrari 250 GTO is widely regarded by aficionados as the Holy Grail of classic cars, and the Bologna tribunal just gave an unprecedented judgment protecting this legend from pale imitations.
A unique aspect of automobile design is probably the magnitude of effort involved. Often, extraordinary lengths and millions of dollars, and a lot of brain power, to develop and execute what visionaries consider as appealing vehicle design. All that effort, only to have other makers reproduce an out of production design, without compensating the original creator.
When Ferrari discovered that a company in the brand’s native city, Modena, was planning to produce 250 GTO replicas, the brand was aghast, lodging a complaint and petition to gain legal recognition for the design and intellectual property rights of the classic car. So far, modern reproductions of the Ferrari 250 GTO have been limited to single custom commissions for individuals.
Historically, the Ferrari 250 GTO was always considered one of the world’s most valuable classic cars but in 2018, it unequivocally became the world’s most valuable classic car when one of the 36 exemplars tipped the scales at USD 48 million, becoming the most valuable car ever sold at auction.
The classic car market, the hottest alternative asset investment according to Knight Frank Wealth Report, can be ultra-lucrative with classic car dealers attempting to reproduce 250 GTOs by cannibalising parts and bodywork creating a “Frankencar” – a practice endemic to the vintage Rolex market as well, where watch dealers attempt to create a more valuable model from other vintage parts. That said, this practice is not unique to Ferrari, classic Jaguars, Alfa Romeos and other long-time legacy brands have suffered as well.
